"ไอคอนสยาม" ปั๊มรายได้! เปิดโซนรีเทล ดึงแบรนด์ดังจาก IG วางขาย

13 ธ.ค. 2561 | 15:28 น.
เปิดยุทธศาสตร์ "ไอคอนสยาม ซิกเนเจอร์" ปั้น 5 โซนค้าปลีก "The Selected / CAZH / ICONACTIVE/ ICONCRAFT / Women’s Club" บนพื้นที่กว่า 6,600 ตร.ม. ดึงแบรนด์ดังจาก IG ลงช็อปให้สัมผัสของจริง หวังต่อยอดธุรกิจรีเทล ปั้นรายได้ทะลุ 840 ล้านบาทต่อปี

นอกจาก 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่หลอมรวมเป็นแม็กเนตสำคัญใน "ไอคอนสยาม" แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมืองไทย มูลค่ากว่า 5.4 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่ 55 ไร่ ริมฝั่งแม่นํ้าเจ้าพระยา ซึ่งภายในอาคารกว่า 7.5 แสนตารางเมตร มีทั้งศูนย์การค้า 2 อาคาร ห้างสรรพสินค้ายักษ์จากญี่ปุ่น คอนโดมิเนียมหรู 2 อาคาร แบรนด์เนม ร้านค้าและบริการต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีโซนที่ "ไอคอนสยาม" เป็นผู้คัดสรรมาวางจำหน่ายและบริหารจัดการเองภายใต้การดูแลของ "ไอคอนสยาม ซิกเนเจอร์" กับ 5 โซนพิเศษ และเป็นครั้งแรกกับการนำแบรนด์ดังจากอินสตาแกรม (IG) ที่มียอดผู้ติดตามเกิน 5 หมื่นราย มาร่วมวางจำหน่ายในโซนนี้ด้วย

 

[caption id="attachment_359535" align="aligncenter" width="336"] วรางคณา สุเมธาศร วรางคณา สุเมธาศร[/caption]

โดย นางวรางคณา สุเมธาศร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอคอนสยาม ซิกเนเจอร์ จำกัด ผู้บริหารธุรกิจค้าปลีก ในเครือไอคอนสยาม เปิดเผยว่า บริษัทบริหารพื้นที่ค้าปลีกภายในไอคอนสยาม โดยแบ่งออกเป็น 5 โซน ประกอบไปด้วย The Selected มัลติแบรนด์คอนเซ็ปต์สโตร์ บนพื้นที่ 676 ตร.ม. ประกอบไปด้วย แฟชั่น ไลฟ์สไตล์, ดนตรี, ศิลปะ และเทคโนโลยี โดยเน้นผสมผสานหลากหลายสินค้าจากแบรนด์ต่าง ๆ กว่า 132 แบรนด์ มาวางจำหน่าย พร้อมหมุนเวียนกันไปทุก 6 เดือน นอกจากนี้ ที่นี่ยังมี "Selected items" และสินค้าคอลลาบอเรชันที่ทำมาเพื่อวางจำหน่ายเฉพาะร้าน The Selected เท่านั้น เช่น กระเป๋าหนังสำหรับผู้ชาย Container กับคอลเลกชันสปอร์ต เป็นต้น


DSC06483

DSC06460

"แบรนด์ที่คัดสรรมาจะมาจาก IG ที่มียอดผู้ติดตามกว่า 5 หมื่นคน และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำมาวางจำหน่าย เพื่อขยายตลาดให้มากขึ้น ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งนิยมมาก"

โซน "แคซซ์" (CAZH) แคชวลแวร์มัลติแบรนด์สโตร์ แฟชั่นไอเท็มนำเข้าจากแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ และไทยกว่า 70 แบรนด์ โดยเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจาก IG ด้วย บนพื้นที่ 852 ตร.ม. ในรูปแบบช็อป อิน ช็อป จำหน่ายแฟชั่นและแอกเซสซอรีสำหรับผู้ชายและผู้หญิง โดยมีแบรนด์หลัก อาทิ เรย์แบนด์, คอนเวิร์ส ฯลฯ ภายในร้านแบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่ โซนแคชวล แฟชั่น, วินเทจ แฟชั่น, เดนิม, ชูส์ แอนด์ แอกเซสซอรี และเบฟเวอเรจ ราคาสินค้าเริ่มตั้งแต่ 790-40,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีสินค้า Absolute Siam ที่วางจำหน่ายเฉพาะแคซซ์เท่านั้น


DSC06479

โซน ICONACTIVE สปอร์ตมัลติแบรนด์สโตร์ บนพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. ศูนย์รวมสินค้าเกี่ยวกับกีฬา นาฬิกา แอกเซสซอรีจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 36 แบรนด์ อาทิ ไนกี้ คอนเวิร์ส VAN ฯลฯ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนปัจจุบันที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย รวมทั้งแฟชั่นสไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์ โดยที่นี่เป็นสาขาแรกและมีแผนขยายการลงทุนสาขา 2 ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ในปีหน้า รองรับเทรนด์นักช็อปที่หันมานิยมแฟชั่นและสินค้าแนวสปอร์ตมากขึ้น


MP36-3426-A

โซน ICONCRAFT ศูนย์รวมสินค้าจากความคิดสร้างสรรค์และฝีมือของศิลปิน ดีไซเนอร์ และผู้ประกอบการคนไทยกว่า 300 แบรนด์ รวมกว่า 5,000 ชิ้น บนพื้นที่กว่า 2,500 ตร.ม. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานแฮนด์เมด ทำให้สินค้ามีจำนวนจำกัดและไม่ซํ้ากัน ถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากสินค้าแบรนด์อื่น ๆ โดยสินค้ามีระดับราคาตั้งแต่ 69 บาท จนถึงสูงกว่า 1 แสนบาท โดยสินค้าที่นี่จะหมุนเวียนเปลี่ยนทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้มีความหลากหลาย และยังมีแคมปัส โซน นำผลงานของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มาวางจำหน่าย


DSC06462

ภายในไอคอนคราฟต์ แบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่ The Smith งานช่างทอง ช่างโลหะต่าง ๆ, The Painter งานลงสีลงยา งานเขียน วาดลวดลาย งานลงรักปิดทอง, The Sculptor งานปั้น, The Carpenter งานช่างไม้ ช่างแกะสลัก, The Weaver งานช่างทอ ช่างจักสาน, The Gastronomer งานปรุง งานสร้างสรรค์อาหาร และ The Therapist งานแพทย์แผนไทยและผลิตภัณฑ์สำหรับการบำบัดและดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีโซนสินค้าเฮาส์แบรนด์ของไอคอนคราฟต์ที่เชิญนักออกแบบมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานด้วย โดยตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายกว่า 160 ล้านบาทต่อปี


ICONCRAFT_๑๘๑๑๒๐_0024-503x337

โซน Women’s Club มัลติแบรนด์สำหรับผู้หญิง ที่รวมแบรนด์ชั้นนำของเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน สกินแคร์ อุปกรณ์ทำครัว และพื้นที่จัดกิจกรรม DIY รวมพื้นที่กว่า 900 ตร.ม. มีจุดเด่นที่ความหลากหลาย เหมาะเป็นที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว


DSC06550

นางวรางคณา กล่าวอีกว่า กลยุทธ์การทำตลาดจะมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ผ่าน ช่องทางต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เช่น อินสตาแกรม เฟซ บุ๊ก เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนพัฒนาและคัดเลือกสินค้าที่เหมาะสมวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะเริ่มต้นในไตรมาส 2 ปีหน้า

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายพื้นที่โซนค้าปลีกในเซ็กเมนต์อื่น ๆ เช่น มัลติแบรนด์บิวตี้สโตร์ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในไตรมาส 3 ปีหน้า โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้จากกลุ่มค้าปลีกนี้กว่า 840 ล้านบาท


หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,426 ระหว่างวันที่ 13-15 ธันวาคม 2561

595959859-6-503x60