ลูกค้า“จีน”แรงแซงทุกชาติ เอเจนต์แห่เหมาคอนโดฯยกตึก

11 ธ.ค. 2561 | 04:29 น.
 

คอลลิเออร์สฯเผยกำลังซื้อลูกค้าจีนมาแรง กวาดซื้อคอนโดมิเนียม ในกรุงเทพฯแบรนด์ดังเปิดทางให้ซื้อเต็มโควตา 49% รวมทั้งขายยกตึกให้เอเจนต์ต่างชาติ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม กลุ่มลูกค้าต่างชาติกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักสำคัญ  ในการดูดซับซัพพลายคงค้างในตลาด ให้สามารถเดินไปได้ในภาวะตลาดที่กำลังซื้อคนไทยถดถอย

อดีตที่ผ่านมา ชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทย ส่วนใหญ่จะซื้ออสังหาริมทัพย์ตามหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา สมุย เชียงใหม่ ระยอง เป็นต้น เพื่อเป็นการอยู่อาศัยตากอากาศ เป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อการลงทุน แต่ปัจจุบันในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติหันมาสนใจลงทุนและซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครมากขึ้น เนื่องจากราคาขายถือว่าถูกกว่าคอนโดมิเนียมตามเมืองอื่นๆ ที่สำคัญของโลก บวกกับหากมองในแง่ของการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่า โดยอยู่ที่ประมาณ 5-7% ต่อปีเลยทีเดียว

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่าด้วยความที่มีนิสัยชอบลงทุน จึงมีชาวจีนส่วนหนึ่งมีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและตามเมืองท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศ เพื่อเป็นที่พัก เก็งกำไรระยะสั่น และระยะยาว รวมถึงปล่อยเช่า เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่าสำหรับอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยค่อนข้างดี

ส่งผลโครงการคอนโดมิเนียมตามหัวเมืองท่องเที่ยว  ลูกค้าต่างชาติซื้อเต็มโควตา 49% ตามกฎหมายระบุให้ต่างชาติสามารถซื้อได้  โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในพัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ เป็นต้น จนผู้ประกอบการบางรายตามหัวเมืองท่องเที่ยว ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ จึงแก้ปัญหาส่วนต่างนี้ ด้วยการทำเป็นสัญญาเช่า 30+30+30ปี เพิ่มขึ้น สำหรับโครงการที่โควต้าต่างชาติเต็ม 49%

นอกจากนี้สังเกตพบว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการจากจีนเริ่มเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งที่พัฒนาเองและร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย รวมมูลค่าการลงทุนแล้วกว่า 152,400 ล้านบาท

A

จากการรวบรวมข้อมูลของแผนกวิจัย บริษัทคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พบว่าโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทยที่มีอัตราส่วนโควตา 49% ของชาวต่างชาติเต็ม มีดังนี้ 1.พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติสัดส่วน 60% ของกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในภาพรวมทั้งจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีน  รองลงมา คือ ฮ่องกง และ เกาหลี และชาติจากยุโรปและอเมริกา ส่วนใหญ่จะเน้นคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองและย่านนิมมานเหมินทร์ เช่น  PEAKS AVENUE,  TWIN PEAKS, PEAKS GARDEN  , The ASTRA ช้างคลาน , The Unique Condo @ Niman, Hill tanai condo chiangmai

2.พื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะย่านป่าตอง กมลา สุรินทร์ ราไวย์ ในหาญ กะตะ กะรน  และบริเวณลากูน่าภูเก็ต รวมแล้วกว่า 10 โครงการ เช่น โครงการ The Paek Residence Kata Noi,  The Title Residence Naiyang,  Karon Butterfly, Karon Hill Condominium เป็นต้น  3.พื้นที่พัทยา เช่น กลุ่มคอนโดมิเนียม ของ นิว นอร์ดิก กรุ๊ป ย่านเขาพระตำหนักและเมืองพัทยาแทบเต็ม49%  ทุกโครงการ เช่น Unixx South Pattaya, South Point Pattaya, The Peak Tower, City Garden Tropicana, The Rivera Wongamat Beach ฯลฯ  ส่วนทำเลย่านจอมเทียนยังมีบางโครงการที่ยังไม่เต็ม แต่ส่วนใหญ่ก็เต็ม 49% แทบทุกโครงการเช่นเดียวกัน

4.กรุงเทพมหานคร  พบว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โครงการที่โควตา 49% ของลูกค้าต่างชาติเต็ม เช่น โครงการ M Thonglor, The Line Sukhumvit 101 , the line Sukhumvit 71, Mori Haus Sukhumvit 77 , Life asoke rama 9, Siamese sukhumvit 87, V Tara Sukhumvit 36 โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 – รัชดา โควตา 49% ของลูกค้าต่างชาติเต็มแทบทุกโครงการ

ปัจจุบันยังพบว่า กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้กระจายตัวไปในทำเลอื่นๆของกรุงเทพมหานคร เช่น อ่อนนุชก็เป็นอีกทำเลที่พบว่าโควตา 49% ของลูกค้าต่างชาติเต็มหลายโครงการย่านบางนา – ตราด ส่วนใหญ่เป็นชาวฮ่องกง และจีน ซึ่งเป็นการขายที่บริษัทขายเองและขายผ่านเอเยนซี

B

นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วง 1 ปีกว่าที่ผ่านมา มีการซื้อเหมายกตึกของต่างชาติสำหรับคอนโดมิเนียมในเมืองไทยกันเป็นจำนวนมาก  ไม่ว่าจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ตอย่าง โครงการ new nordic water world phuket ที่มีกลุ่มนักลงทุนจากฝรั่งเศสเข้าซื้อยกตึกในบางอาคาร โครงการ Karon Hill Residence ย่านกะรน ก็มีการขายแบบยกอาคารให้กับกลุ่มนักลงทุนชาวจีน  โครงการ VIP Mercury Condominium บนหาดราไวย์ก็มีกลุ่มนักลงทุนจากจีนเข้าซื้อแบบเหมาตึกเช่นเดียวกัน

สำหรับในกรุงเทพมหานครพบว่า การเข้าซื้อเหมาตึกของชาวต่างชาติในปัจจุบันเริ่มพบเห็นเป็นจำนวนมาก เช่น โครงการ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 ของบมจ. อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ก็มีการขายยกตึกให้ต่างชาติไป 1 อาคาร โครงการ ไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี จำนวน 914 ยูนิต  มูลค่า 2,000 ล้านบาท เจาะลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ล่าสุด ก็มีการตัดขายยกตึก 2 อาคารกว่า  400 ยูนิตให้เอเจนซี่นำไปขายลูกค้าจีน เช่นเดียวกัน และโครงการล่าสุดอย่างพลัมคอนโด รังสิต อะไลฟ์ ของ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท ก็มีการขายแบบยกอาคารให้เอเจนซี่ต่างชาตินำไปขายให้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน และโครงการ แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา – ห้วยขวาง ที่ทางพฤกษามีการขายแบบเหมาอาคารให้กับนักลงทุนชาวจีน  สำหรับ บมจ. ออริจิ้น  พร็อพเพอร์ตี้  ก็มีการนำคอนโดมิเนียมโครงการใหม่จากแบรนด์ Park Origin ซึ่งครั้งนี้มาลงที่ทำเลทองหล่อใจกลางเมืองในชื่อว่า Park Origin Thonglor จาก บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในซอยทองหล่อ 10 บนที่ดิน Areana 10 เดิม เป็นคอนโด High Rise 3 อาคาร รวม 1,182 ยูนิตมูลค่าการลงทุนกว่า  11,000 ล้าน ก็มีการขายแบบยกอาคารในบางอาคารให้กับต่างชาติ

นอกจากนี้ยังพบว่ามีบางโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร อย่างเช่น ไซมิส สุขุมวิท 87 ของ บจ.ไซมิส แอสเสท ก็มีการปิดการขายตั้งแต่ชั้น 20 เป็นต้นไปเพื่อขายให้กับกลุ่มนักลงทุนจากจีนเช่นเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการแทบทุกรายได้มีการติดต่อกับเอเจนต่างชาติกันเป็นจำนวนมากเพื่อให้นำคอนโดมิเนียมของตัวเองไปขายให้กับกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากจีน

ชาวต่างชาติเชื้อสายจีนกลุ่มนี้เป็นเป้าหมายหลักของผู้ประกอบการมากขึ้นโครงการเปิดขายใหม่มีการไปออกโรดโชว์หรือว่าให้นายหน้าชาวต่างชาติไปขายที่ต่างประเทศมากขึ้นและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

“ช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายรายพยายามบอกว่าโครงการของพวกเขามีชาวต่างชาติเป็นผู้ซื้อกลุ่มใหญ่หรือจนเกือบจะเต็มโควตาของชาวต่างชาติ เรียกได้ว่าสร้างกระแสความตื่นตัวได้ระดับที่ไม่น้อยเลย บางโครงการเปิดขายชาวต่างชาติก่อนคนไทย และมียอดขายไปแล้วกว่า 40 – 50% พอถึงวันที่เปิดขายคนไทยก็ขายวันเดียวหมดปิดการขายไปเลย ทำเอาคนที่พลาดโอกาสหรือว่าไม่ได้ซื้อเกิดความอยากได้ขึ้นมาทันที”