ฐานโซไซตี : รัฐทิ้งทวน "เอาใจ" คนจน-ชาวสวน-อสม. ดัน พปชร. ข่ม"เพื่อไทย"

11 ธ.ค. 2561 | 11:00 น.
รัฐทิ้งทวน-2 ลุงตู่-4 เหตุเพราะการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ ใช้วิธีการคำนวณที่เรียกว่า “ระบบการจัดสรรปันส่วนผสม” หลักเกณฑ์ใหม่ที่ทำให้ทุกพรรคการเมืองต้องเก็บทุกคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนของ ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ เรียกได้ว่าทุกคะแนนเสียงมีความหมาย “ไม่ตกน้ำ” ดังนั้น เรื่อง “นโยบาย” ที่จะนำไปใช้หาเสียง จึงมีความสำคัญอย่างมาก ที่จะทำให้ “ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง” ตัดสินใจเทคะแนนให้

สถานการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆ ขณะนี้ ดู “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.) จะมีภาษีและความพร้อมมากกว่าพรรคอื่น โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” คู่แข่งสำคัญที่ครองจำนวน ส.ส.มากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากแนวนโยบายของ “พลังประชารัฐ” ส่วนใหญ่จะเป็นการ “สานต่อ” งานหรือนโยบายของ “รัฐบาล คสช.” ที่มี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำ และนโยบายของรัฐบาล คสช.ที่ดำเนินการไปและวางไว้แล้ว ก็จะเป็นแนวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย ดังที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค ออกมายอมรับว่า “นโยบายของรัฐบาลจะเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายหาเสียงของพรรคนี้ด้วย”
สุริยะ-ปก
ขณะเดียวกัน นโยบายของ “รัฐบาล คสช.” ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ หลายโครงการได้ใช้เม็ดเงินนับ “แสนล้านบาท” ล้วนแล้วแต่ส่งผลดีต่อ “พลังประชารัฐ” ในแง่การ “โกยคะแนนเสียง” จากคนทั้งระดับรากหญ้า คนจน ชาวสวน ชาวไร่ ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ข้าราชการเกษียณ นโยบายอันแรกที่ “โดนใจ” และ “มาแรง” ต้องยกให้ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ที่มาตรการนี้ออกมาแล้วเรียกคะแนนนิยมจากกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้ โดยเฉพาะปัจจุบันมีตัวเลขลงทะเบียนขอรับสิทธิอยู่ที่ 14.5 ล้านคน ซึ่งผู้ถือบัตรนี้จะได้รับเงินรายเดือนจากรัฐเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 200-300 ต่อเดือน ค่าแก๊สหุงต้ม 45 บาทต่อคนต่อเดือน และเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางรถเมล์, รถไฟฟ้า 500 บาท ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท และค่ารถไฟ 500 บาท

นอกจากนี้ ครม.เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ยังได้เห็นชอบให้ช่วยเหลือค่าน้ำ-ค่าไฟต่ออีก 10 เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561-กันยายน 2562 ทั้งยังให้ “โบนัส” ปลายปีอีก คนละ 500 บาท โดยสามารถถอนเงินออกจากบัตรได้ และช่วยเหลือค่าเดินทางรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปคนละ 1,000 บาทในปี 2562 โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม วงเงินรวม 38,730 ล้านบาท ขณะที่ “บัตรทอง” หรือ “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” ที่ “เพื่อไทย” เครมว่าเป็นนโยบายของตนเอง กลายเป็น “โครงการสามัญประจำบ้าน” ที่ไม่ว่าพรรคไหนเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ต้องคงไว้ ยกเลิกไม่ได้เด็ดขาดอยู่แล้ว

091261-1705 “รัฐบาล คสช.” ยังขยายเพดานวงเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่อดีตข้าราชการผู้รับบำนาญ ที่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพิ่มอีก 100,000 บาท จากเดิมที่ให้ขอรับได้ในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 400,000 บาท เป็นให้ขอรับได้ในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยหากผู้รับบำนาญเคยขอรับบำเหน็จดำรงชีพ ไปบางส่วนแล้ว ให้ขอรับได้ไม่เกินจำนวนเงินที่ยังไม่ครบตามสิทธิ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท งบประมาณ 25,158 ล้านบาท

ต่อมา เพิ่มค่าตอบแทนให้กับ “อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน” (อสม.) จำนวน 1,054,729 คน ที่ไม่เคยปรับมาเป็นเวลา 10 ปี จาก 600 บาท เป็น 1,000 บาท เริ่มในเดือนธันวาคมนี้ หลังการปรับค่าตอบแทนในครั้งนี้งบประมาณจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 12,656 ล้านบาท

[caption id="attachment_359653" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

ขณะเดียวกัน ยังคงเส้นคงวาดำเนินมาตรการต่อเนื่องช่วยกลุ่มชาวสวนยางพารา-ปาล์มน้ำมัน ที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ โดยช่วยเหลือบรรเทาค่าครองชีพให้ชาวสวนยาง จำนวน 999,065 ราย และคนกรีดยาง จำนวน 304,266 ราย วงเงินประมาณ 18,604 ล้านบาท และ ช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน 150,000 ราย พื้นที่ไม่เกิน 2.25 ล้านไร่ ในอัตราไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ ใช้งบประมาณ 3,458 ล้านบาท

อีกมาตรการคือ การจัดทำโครงการ “บ้านล้านหลัง” ภายใต้วงเงิน 60,000 ล้านบาท  ช่วยผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน หรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ให้มีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตนเอง แบ่งเป็น 1.วงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัย 50,000 ล้านบาท ให้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อนนานถึง 40 ปี อัตราดอกเบี้ย แบ่งเป็นกรณีผู้กู้รายได้ไม่เกิน 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-5 คงที่ 3.00 % และกรณีผู้กู้รายได้เกิน 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 คงที่ 3.00 % โดยถ้ากู้เงิน 1 ล้านบาท ผ่อนชำระ 3 ปีแรก เริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,800 บาท 2.วงเงินที่เหลืออีก 10,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ต้องมีบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่น้อยกว่า 40 % ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมดของโครงการ อัตราดอกเบี้ย MLR -1.25% ต่อปี เฉพาะกรณีสร้างที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาท

ไม่รู้เป็นเพราะนอกจาก “อดีตส.ส.-นักการเมืองท้องถิ่น” ที่มีอยู่จำนวนมากในพรรคพลังประชารัฐแล้ว นโยบายของ “รัฐบาล คสช.” ที่ทำโครงการต่าง ๆ ขณะนี้ และที่พรรคจะนำไปใช้หาเสียงหรือเปล่า ที่ทำให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขุนพลสำคัญของพรรค “มั่นใจ” และออกมาตอกย้ำว่า “สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการลงพื้นที่และโพลล์ เราจึงได้ประเมินว่า เราจะได้ ส.ส.150 คนทั่วประเทศ โดยภาคอีสาน จะได้ประมาณ 50- 60 คน  ภาคกลาง 40 คน ภาคใต้น่าจะได้ไม่มาก เพราะในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ถือว่ามีจุดแข็ง แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนภาคเหนือ วันนี้ประชาชนตอบรับดี เชื่อว่าจะได้คะแนน และ ส.ส.สูสีกับพรรคเพื่อไทย”

หากได้ส.ส.ทั้ง 2 ระบบ 150 เสียงจริง บวกกับ 250 ส.ว. แค่นี้ก็สามารถโหวตจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่ “พลังประชารัฐ” ก็คงต้อง “ดึง” พรรคอื่นมาร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อให้มีเสียงเพียงพอให้ในการประคับประคอง “รัฐนาวา” ให้ไปตลอดรอดฝั่ง 4 ปี ว่าแต่ว่า “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” เขาจะยอมง่าย ๆ หรือเปล่าเท่านั้น...

| คอลัมน์ : ฐานโซไซตี
| โดย : ว.เชิงดอย 
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3425 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 9- 12 ธ.ค.2561
595959859