Benz CLS300d เนียนไปทุกอณู และดีเซลยังไม่ตาย

10 ธ.ค. 2561 | 01:47 น.
ซีแอลเอส โฉมใหม่ เจเนอเรชันที่3 เปิดตัวอย่างเป็นทาง การในไทยที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2018 เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เลือกทำตลาดกับเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ รุ่น 300d AMG Premium

ทั้งนี้ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาผมมีโอกาสไปลองขับรถยนต์รุ่นนี้ที่ประเทศโปรตุเกส(ก่อนการเปิดตัวในไทย) แต่ครานั้นเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร อย่าง 350d 400d และตัวแรง“เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ซีแอลเอส 53” ซึ่งรุ่นนี้เพิ่งนำมาเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 พร้อมราคา 7.09 ล้านบาท

PA070061

 

PA070046 นั่นเท่ากับว่าใครชอบทรวดทรงของ “ซีแอลเอส” พร้อมสมรรถนะจัดจ้านก็จ่ายไป 7 ล้านบาท แต่ถ้าไม่เน้นขับโหดซื้อรุ่นปกติ 300d ราคา 4.98 ล้านบาทก็หล่อมากๆแล้ว

ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เน้นทำยอดขายอย่างน่ากลัวครับ ถ้าเป็นเวอร์ชันปกติรุ่นบ้านๆก็พยายามใช้เครื่องยนต์บล็อกเล็ก ปล่อยไอเสียตํ่า ทำราคาดี สื่อสารตรงไปตรงมา ปิดการขายง่าย ส่วนใครชอบความแรงเขามี เมอร์เซเดส เอเอ็มจี เรียงหน้ามาขายเพียบ และหลายรุ่นประกอบในประเทศเสียด้วย

ดังนั้นคงไม่เกินเลยที่จะบอกว่า วันนี้“เมอร์เซเดส-เบนซ์” มีโปรดักต์ที่พร้อมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งแนวลึกและแนวกว้าง ไม่รวมเครือข่ายดีลเลอร์ที่เข้มแข็ง โปรโมชันจัดเต็ม อันส่งผลให้ยอดขายรวมสูงขึ้นทุกปี (แต่กำไรต่อคันอาจจะตํ่าลง)

สำหรับ “ซีแอลเอส โฉมใหม่” 300d ต้องเจอคู่แข่งในคลาสเดียวกันอย่าง บีเอ็มดับบิลยู 630d GT ราคา 4.699 ล้านบาทที่ทำราคาได้ดีและไม่มีรุ่นแกรนด์คูเป้(4ประตู) ทำตลาดแล้ว ขณะที่ อาวดี้ มีทีเด็ดคือ A7 Sportback 55 TFSI Quattro ราคา 5.399 ล้านบาท

PA070073 PA070072

จากการลองขับมาครบทั้ง 3 รุ่น บีเอ็มดับบิลยู 630d GT ที่ราคาถูกสุด จะได้ความอเนกประสงค์ พื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือ สมรรถนะการขับขี่ไม่ขี้เหร่ด้วยเครื่อง ยนต์ ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร 265 แรงม้า เพียงแต่รูปลักษณ์มันไม่เร้าอารมณ์เสียเลย

ขณะที่ อาวดี้ A7 Sportback 55 TFSI Quattro ดูจากสเปกของขุมพลังถือว่าโดดเด่นกว่า ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ 340 แรงม้า พร้อมระบบไมล์ไฮบริด 48 โวลต์ ที่เข้ามาเสริมช่วยการทำงานของเครื่องยนต์บ้างเล็กน้อย พร้อมเอาแรงม้าลงเต็มทุกล้อด้วย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ช่วงล่างแบบสปอร์ตกับล้ออัลลอย 20 นิ้ว แต่ทั้งหมดนี้ต้องจ่ายในราคาเกือบ 5.4 ล้านบาท

ส่วน CLS 300d เครื่องยนต์ดีเซลบล็อก 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ แรงม้า 245 ตัวอาจจะน้อยกว่าคู่แข่งที่ใช้เครื่องยนต์ใหญ่กว่า แต่สามารถรีดแรงบิดได้ถึง 500 นิวตัน-เมตร และมาในรอบตํ่ามากที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ตอบสนองการขับขี่ได้เนียน มากๆ

PA070082

ถ้าเทียบกับ CLS 250d รุ่นเก่าเครื่องยนต์ดีเซลเดิม ต้องบอกว่ารุ่นใหม่ขับดีกว่าแน่ๆ และถ้าเทียบกับคู่แข่งจากเยอรมนีที่กล่าวมา CLS โฉมใหม่ ออกแนวสุขุมขับสบาย ปลดปล่อยพละกำลังออกมานวลๆทุกเกียร์ หรือช่วงเร่ง จังหวะคิกดาวน์ยังกระฉับกระเฉงฉับไว ขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.4 วินาที ใกล้เคียงกับ 630d GT ที่ทำได้ 6.1 วินาที แต่ถ้าจี๊ดจ๊าดสุดต้องยกให้ CLS 300d ที่มากับตัวเลข 5.3 วินาที

CLSโฉมใหม่ ตัวถังใหญ่ขึ้นกว่าโฉมเดิมทุกมิติ แต่ก็เป็นเพียงหลักเซนติเมตร เช่นกว้างขึ้น 1.5 เซนติเมตร ยาวขึ้น 2.9 เซนติเมตร สูงขึ้น 2.5 เซนติเมตร ขณะที่การเข้าออกภายในห้องโดยสารสำหรับคนตัวสูงก็ต้องก้มต้องกะระยะบ้างจากตัวถังที่ตํ่าเตี้ย และเมื่อเข้าไปนั่งภายในห้องโดยการ อาจจะเจอทัศนวิสัยที่จำกัด หรือมุมมองที่บีบแคบบ้าง แต่ก็แลกกับความหล่อของตัวถังละครับ

ผมยังชอบช่วงล่างและการควบคุมของ CLS โฉมใหม่ ซึ่งจริงๆชอบมากกว่า 2 แบรนด์คู่แข่งจากเยอรมนีเสียอีก โดยสมรรถนะในจุดนี้ ยกระดับมาจากโฉมเดิมพอสมควร ทั้งช่วงล่างที่นุ่มหนึบ พวงมาลัยนํ้าหนักกำลังดีตอบสนองแม่นยำ ช่วยให้การสั่งงานเพื่อให้รถพุ่งไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างสมํ่าเสมอในทุกจังหวะ

ตัวรถยาวเกือบ 5 เมตร เลย์เอาต์เครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังออกแบบการขับขี่ได้สมดุล ขับได้คล่องแคล่ว ขณะที่การนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังยังขยับขยายได้และนุ่มสบายตัว

การออกแบบภายในของ CLS โฉมใหม่ดูทันสมัยมากขึ้นตามรถยนต์เจเนอเรชันใหม่ของค่าย และตามพื้นฐานการพัฒนาเดียวกันอย่าง “อี-คลาส (W213)อย่างแดชบอร์ดและหน้าจอแสดงผลแบบ widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้วต่อกัน 2 จอ โดดเด่นด้วยช่องแอร์รูปใบพัดพวงมาลัยหุ้มหนังแบบท้ายตัด (D Shape) พร้อมเกียร์มือในการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ และแพดเดิลชิฟต์หลังพวงมาลัย ขณะที่แสงไฟเพิ่มอารมณ์ในห้องโดยสารสามารถเลือกได้ถึง 64 เฉดสี

PA070076 PA070071

ภายนอกสปอร์ตมากขึ้นด้วยชุดแต่ง AMG รอบคัน และมาพร้อมระบบไฟ LED เต็มรูปแบบ โดยไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ระบบเพิ่มความสว่างขณะเลี้ยวโค้ง ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ตลอดจนไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติก

ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน CLS 300d จากสภาพการขับในเมืองและนอกเมือง หรือเฉลี่ยๆได้ตัวเลข 14-15 กม./ลิตร สบายๆ

รวบรัดตัดความ...ทั้ง 630d และ A7 มากับตัวถังสไตล์ฟาสต์แบ็ก ซึ่งประตูหลังบานที่5 เปิดออกได้กว้าง เพิ่มความอเนกประสงค์ โดยรุ่นแรกมีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด และรุ่นหลังได้ความดุดันของเครื่องยนต์เบนซินวี6 ขณะที่ CLS 300d มาในแนวคูเป้ 4 ประตู เป็นรถที่สมรรถนะและราคาอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 รุ่นนี้ ขับนุ่มสบาย ช่วงล่างการควบคุมเนียนแน่น ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ประกบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ประสานงานกันลงตัว ได้ทั้งความประหยัดนํ้ามัน และสมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งานในเมืองและวิ่งทางไกลต่างจังหวัด

โดย กรกิต กสิคุณ

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,425 วันที่  9 - 12 ธันวาคม พ.ศ. 2561

595959859