คลังเข้มบอนด์ออมทรัพย์ ซื้อได้คนละไม่เกิน2ล้านต่อแบงก์ หวังกระจายสู่รายย่อย
คลังเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ รอบ 3 วงเงิน 5 พันล้านบาท หลังรอบ 2 หมดเกลี้ยง 15,000 ล้านบาทใน 15 นาที พร้อมจำกัดวงเงินต่อธนาคาร ไม่เกิน 2 ล้านบาท หวังกระจายให้ถึงรายย่อยมากขึ้น
ปีงบประมาณ 2561 กระทรวงการคลังได้เปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์รวมทั้งสิ้น 68,000 ล้านบาท โดยมีอายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปีและ 10 ปี ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีงบประมาณ 2561 ต้องขยายวงเงินการขายออกไปถึง 4 ครั้ง เป็นวงเงินรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท เพราะพันธบัตรอายุรุ่น 10 ปี ให้อัตราผลตอบแทนกว่า 3% ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจ แม้จะมีอายุยาว แต่ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน มีการจ่ายอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
สำหรับปีงบประมาณ 2562 ก็เช่นกัน กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งที่ 1 ภายใต้วงเงิน 15,000ล้านบาท อายุ 3 ปี 1 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.46% และอายุ 7 ปี 1เดือน อัตราดอกเบี้ย 3% ก็หมดในเวลารวดเร็ว โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็เต็มวงเงิน 15,000 ล้านบาท ทำให้กระทรวงการคลังต้องออกวงเงินเพิ่มเติมอีก 15,000 ล้านบาท ซึ่งหมดในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ทำให้วงเงินไม่ได้กระจายไปถึงมือประชาชนทั่วไปอย่างทั่วถึง เพราะมีกระแสข่าว คนที่ยืนรอจองซื้อในสาขาธนาคาร แม้แต่คิวแรกที่เดินเข้าธนาคารก็ไม่ได้รับจองเช่นเดียวกัน
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เปิดเผยว่า เพื่อให้พันธบัตรออมทรัพย์กระจายไปถึงมือประชาชนทั่วไปให้มากที่สุด กระทรวงการคลังได้ปรับเงื่อนไขการขายพันธบัตรออมทรัพย์เพิ่มเติมครั้งที่ 2 โดยจะขายให้กับประชาชนรายย่อย ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น และจำกัดวงเงินการซื้อรวมทุกรุ่นไม่เกิน 2 ล้านบาท ต่อ 1 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2561 - 29 มีนาคม 2562
ทั้งนี้พันธบัตรออมทรัพย์ประจำปีงบประมาณ 2562 เพิ่มเติมครั้งที่ 2 ภายใต้วงเงิน 5,000 ล้านบาท ตามรุ่นอายุและอัตราดอกเบี้ยเดิมคือ เป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) รุ่นอายุ 3 ปี 1 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.46% ต่อปี และรุ่นอายุ 7 ปี 1 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ภายใต้วงเงินพันธบัตรออมทรัพย์รวม 45,000 ล้านบาท
โดยผู้ที่มีความประสงค์จะลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์สามารถสอบถามและซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ได้หลากหลายช่องทาง ทั้งเคาน์เตอร์ธนาคารตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ระบบ Internet Banking และ Mobile Application ของตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
“วงเงินออมทรัพย์จะไม่เยอะมาก เป็นการออกเฉพาะกลุ่ม เพื่อส่งเสริมการออมของรายย่อยและประชาชนทั่วไป ดอกเบี้ยจึงสูงขึ้นเล็กน้อยไม่เหมือนการกู้มาลงทุนโครงการ ที่ต้องดูแลต้นทุน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาต่อโครงการลงทุนได้”
สำหรับสถานะหนี้สาธารณะล่าสุดณสิ้นเดือนตุลาคม2561 มียอดคงค้าง 6.76 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41.72% ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 5.46 ล้านล้านบาทหนี้รัฐวิสาหกิจ 9.54 แสนล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน โดยรัฐบาลค้ำประกัน 3.42 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 8,505.49 ล้านบาท
หน้า 19 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,425 ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2561
ปีงบประมาณ 2561 กระทรวงการคลังได้เปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์รวมทั้งสิ้น 68,000 ล้านบาท โดยมีอายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปีและ 10 ปี ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีงบประมาณ 2561 ต้องขยายวงเงินการขายออกไปถึง 4 ครั้ง เป็นวงเงินรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท เพราะพันธบัตรอายุรุ่น 10 ปี ให้อัตราผลตอบแทนกว่า 3% ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจ แม้จะมีอายุยาว แต่ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน มีการจ่ายอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
สำหรับปีงบประมาณ 2562 ก็เช่นกัน กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งที่ 1 ภายใต้วงเงิน 15,000ล้านบาท อายุ 3 ปี 1 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.46% และอายุ 7 ปี 1เดือน อัตราดอกเบี้ย 3% ก็หมดในเวลารวดเร็ว โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็เต็มวงเงิน 15,000 ล้านบาท ทำให้กระทรวงการคลังต้องออกวงเงินเพิ่มเติมอีก 15,000 ล้านบาท ซึ่งหมดในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ทำให้วงเงินไม่ได้กระจายไปถึงมือประชาชนทั่วไปอย่างทั่วถึง เพราะมีกระแสข่าว คนที่ยืนรอจองซื้อในสาขาธนาคาร แม้แต่คิวแรกที่เดินเข้าธนาคารก็ไม่ได้รับจองเช่นเดียวกัน
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เปิดเผยว่า เพื่อให้พันธบัตรออมทรัพย์กระจายไปถึงมือประชาชนทั่วไปให้มากที่สุด กระทรวงการคลังได้ปรับเงื่อนไขการขายพันธบัตรออมทรัพย์เพิ่มเติมครั้งที่ 2 โดยจะขายให้กับประชาชนรายย่อย ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น และจำกัดวงเงินการซื้อรวมทุกรุ่นไม่เกิน 2 ล้านบาท ต่อ 1 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2561 - 29 มีนาคม 2562
ทั้งนี้พันธบัตรออมทรัพย์ประจำปีงบประมาณ 2562 เพิ่มเติมครั้งที่ 2 ภายใต้วงเงิน 5,000 ล้านบาท ตามรุ่นอายุและอัตราดอกเบี้ยเดิมคือ เป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) รุ่นอายุ 3 ปี 1 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.46% ต่อปี และรุ่นอายุ 7 ปี 1 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ภายใต้วงเงินพันธบัตรออมทรัพย์รวม 45,000 ล้านบาท
โดยผู้ที่มีความประสงค์จะลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์สามารถสอบถามและซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ได้หลากหลายช่องทาง ทั้งเคาน์เตอร์ธนาคารตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ระบบ Internet Banking และ Mobile Application ของตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
“วงเงินออมทรัพย์จะไม่เยอะมาก เป็นการออกเฉพาะกลุ่ม เพื่อส่งเสริมการออมของรายย่อยและประชาชนทั่วไป ดอกเบี้ยจึงสูงขึ้นเล็กน้อยไม่เหมือนการกู้มาลงทุนโครงการ ที่ต้องดูแลต้นทุน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาต่อโครงการลงทุนได้”
สำหรับสถานะหนี้สาธารณะล่าสุดณสิ้นเดือนตุลาคม2561 มียอดคงค้าง 6.76 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41.72% ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 5.46 ล้านล้านบาทหนี้รัฐวิสาหกิจ 9.54 แสนล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน โดยรัฐบาลค้ำประกัน 3.42 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 8,505.49 ล้านบาท
หน้า 19 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,425 ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2561
