จีนยังซื้อ "อสังหาฯไทย" เฟ้นเอเยนต์คุณภาพ - มั่นใจโอนแน่!!

09 ธ.ค. 2561 | 01:00 น.
| คอลัมน์ : ผ่ามุมคิด


……………….

ปัจจุบัน อสังหาริมทรัพย์ของไทยยังเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ในหมู่ชาวจีนที่ต้องการซื้อลงทุน แม้ครึ่งหลังปี 2561 การซื้อขายมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งมีความเกี่ยวเนื่องจากเหตุการณ์การท่องเที่ยวที่กระทบกับนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงสภาพทางด้านเศรษฐกิจ ที่ทำให้ยอดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จากลูกค้าจีนชะลอตัวลง แต่ "กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์" ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซ็นจูรี่ 21 ประเทศไทย จำกัด เอเยนต์ด้านอสังหาฯ ชั้นนำ ที่บุกตลาดจีนอย่างหนักในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลับมั่นใจเป็นสถานการณ์ชั่วคราว เพราะยังพบมีความต้องการซื้อจากลูกค้าชาวจีนอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่หวือหวา

 

[caption id="attachment_358045" align="aligncenter" width="335"] กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์[/caption]

โดย "เซ็นจูรี่ 21" รับบริหารการขายให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ มี แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, ศุภาลัย, พรอพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ และไซมิส แอสเสท เป็นต้น

"เซ็นจูรี่ 21 จับตลาดลูกค้าต่างชาตินานนับสิบปี แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มบุกตลาดลูกค้าจีน โดยทำยอดขายได้รวมกันประมาณ 2 หมื่นล้านบาท หรือ 3,500 ยูนิต แต่ในปี 2561 ขายลดลงจากปีก่อนประมาณ 10%-20% ขณะภาพรวมตลาดจีนลดลง 50% โบรกเกอร์จีนหลายรายที่มาในปีที่ผ่านมา เริ่มกลับไปมุ่งธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจทัวร์ หลัก ๆ มาจากปัจจัยเศรษฐกิจของจีน บวกกับนักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง"

นายกิติศักดิ์ กล่าวถึงการเจาะตลาดลูกค้าต่างชาติ สมัยก่อนใช้รูปแบบ "โซโล เอ็กซิบิชั่น" ในโรงแรม นำโครงการอสังหาฯ ที่ต้องการขายมาจัดนิทรรศการ แล้วจึงเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาชมและเลือกซื้อ ยุคนั้นเน้นลูกค้าสิงคโปร์กับฮ่องกง ทำการตลาดทุกสัปดาห์ ช่วงหลังตลาดเปลี่ยน ความต้องการซื้อจากนักลงทุนจีนเริ่มมากขึ้น การตลาดแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ หันมาใช้การตลาดแบบออฟไลน์ คือ ผ่านเอเยนต์เป็นหลัก


ผ่ามุมคิดโทนี่2

"โดยเซ็นจูรี่ 21 เหมาสินค้าจากดีเวลอปเปอร์ จากนั้นนำไปกระจายต่อกับเอเยนต์ในเมืองจีน ช่วยทำตลาด ตั้งแต่กลางปี 2559 ปรากฏว่า ผลตอบรับค่อนข้างดีมาก เมื่อเทรนด์ตลาดจีนเริ่มมา มีเอเยนต์เกิดขึ้นมากมาย บริษัททัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวจีนมาไทยปีละหมื่นราย ก็ขยายไลน์มาขายอสังหาฯ ในไทยด้วย เหมาสินค้าจากดีเวลอปเปอร์ไปขายในประเทศจีน กลายเป็นตลาดจีนบูมขึ้น มีประมาณ 30-40% แต่ตอนนี้เอเยนต์สมัครเล่นก็หยุดทำตลาดไปแล้ว"

อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังปี 2561 เมื่อนักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง แต่ไม่กระทบตลาดอสังหาฯ มากนัก เพราะประเทศจีนค่อนข้างใหญ่ เชื่อว่ายังมีคนจีนในเมืองหรือมณฑลอื่นก็มีความต้องการซื้ออสังหาฯไทย เพียงแต่ยังไม่ได้บุกเบิกไปทำการตลาดเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้จะเริ่มอย่างจริงจัง พร้อมกับจะคัดเลือกเอเยนต์ที่มีคุณภาพ เพราะเอเยนต์จะเป็นคนคัดกรองลูกค้าที่มีคุณภาพดีมาให้กับดีเวลอปเปอร์ ที่ผ่านมาเอเยนต์แข่งขันกันสูง บางเอเยนต์นำสินค้าในทำเลที่ลูกค้าจีนไม่คุ้นเคยไปขาย เช่น เพชรเกษม บางแค ไม่ใช่สุขุมวิท หรือ รัชดาฯ เนื่องจากผลตอบแทนเอเยนต์สูง แต่เมื่อลูกค้ามาเห็นสถานที่จริง ก็อาจจะทิ้ง จึงมีเสียงดีเวลอปเปอร์สะท้อนมาว่า ลูกค้าจีนไม่โอน

"รูปแบบห้องที่ลูกค้าคนจีนนิยมนั้น จะชอบขนาด 1 ห้องนอน โดยที่ราคาไม่เกิน 3-7 ล้าน ทำเลที่เป็นที่นิยมของชาวจีน คือ โซนพระราม 9, รัชดาฯ, ลาดพร้าว เนื่องจากใกล้สถานทูตจีนและตามเส้นทางรถไฟฟ้า โดยเฉพาะเส้นสุขุมวิท"

ซึ่งต่อไปเราจะคัดสินค้าให้ตรงกับความต้องการซื้อของลูกค้าคนจีน เลือกทั้งโครงการ ทำเล และราคา เน้นกลุ่มสินค้าในราคาตั้งแต่ 3-8 ล้านบาท หรือ ราคาขายต่อตารางเมตรอยู่ที่ 8 หมื่นบาท - 1.5 แสนบาท ซึ่งตลาดเซ็กเมนต์ที่กล่าวมาถือว่ายังไปได้ แต่ก่อนหน้านี้ราคา 2.5 แสนบาท ก็ยังขายได้ ปัจจุบันสูงเกิน 1.5 แสนบาท ทำตลาดไม่ได้ สูงเกินไป เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลไม่สนับสนุน (รัฐบาลจีนกำหนดให้นำเงินลงทุนต่างประเทศได้คนละ 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี) เพราะวันนี้ลูกค้าต่างชาติฉลาด เราก็ต้องเลือกให้เหมาะสม

หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,425 วันที่ 9-12 ธันวาคม 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว