จับตามประชุมเฟด 18-19 ธ.ค.นี้

06 ธ.ค. 2561 | 11:25 น.
สภาวะตลาดทองคำวันที่ 06 ธันวาคม ราคาแกว่งตัวในกรอบ 1,234.40-1,240.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศ ขายออกอยู่ที่ 19,250 บาทต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,200 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,280 บาท ลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,310 บาท

ท่ามกลางการร่วงลงอย่างหนักของผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ ส่งผลให้ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 5 ปี กลับมาติดลบในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2548 ขณะที่ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 10 ปี อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษ ซึ่งสภาวะปกติแล้วตราสารหนี้ที่มีอายุยาวกว่า ควรจะให้ผลสอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นกว่า

สถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ การเกิดภาวะเส้นอัตราผลตอบแทนแบบลาดลง(inverted yield curve) กระตุ้นความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตสหรัฐ จนหนุนราคาทองคำให้ทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีกำหนดประชุมกันในวันที่ 18-19 ธ.ค. ซึ่งคาดกันในวงกว้างว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามแผน ขณะที่รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ(Beige Book)ของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐดูเหมือนจะเติบโตเล็กน้อยถึงปานกลาง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ตึงตัว

อย่างไรก็ตามรายละเอียดของรายงานระบุว่า ความกังวลด้านธุรกิจเกี่ยวกับภาษีที่สูงขึ้น รวมถึงรายงานจากโรงงานสหรัฐ ซึ่งพวกเขาเพิ่มราคา เพราะนโยบายกีดกันทางภาษีทำให้ต้นทุนการผลิตแพงขึ้น ประเด็นดังกล่าว ทำให้นักลงทุนมุ่งจุดสนใจอยู่ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเพียงไร สำหรับปี 2562

นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Huawei Technologies ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ถูกจับกุมในแคนาดาและเตรียมส่งตัวขึ้นศาลสหรัฐภายในวันศุกร์นี้ กระตุ้นความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดต่อไประหว่างจีนและสหรัฐ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำแคนาดา ได้เรียกร้องให้ทางการแคนาดาปล่อยตัวผู้บริหารระดับสูงรายนี้โดยเร็ว

แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนจะกระตุ้นแรงซื้อดอลลาร์ แต่การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกหนุนแรงซื้อทองคำได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งเช่นกันในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้เป็นการยากที่จะคาดการณ์ถึงการเหวี่ยงตัวของราคาทองคำในแต่ละวัน ซึ่งเหตุผลดังกล่าวทำให้ในระยะนี้ วายแอลจีแนะนำนักลงทุนให้ลงทุนระยะสั้นมาโดยตลอด นอกจากนี้แนะนำติดตาม การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน และ รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ของสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายน ในวันศุกร์นี้เพื่อเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำเพิ่มเติม

 

ด้านกลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงการแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสะสมแรงซื้อ หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,244 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ราคาทองคำอาจมีย่อตัวลงมา โดยประเมินแนวรับที่ 1,221 หรือ 1,212 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือแนวรับได้ราคาก็พร้อมขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,256 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ในระยะสั้นนี้ต้องยอมรับว่าทองคำมีความผันผวน การลงทุนข้ามวันยังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงรวมไปถึงการลากราคาซึ่งอาจทำให้นักลงทุนเสียหายอย่างหนัก การลงทุนควรมีแผนการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถรับมือกับความผันผวนอย่างหนักของตลาดทองคำได้