คลังเทงบ 1 หมื่นล้าน! แจกอั่งเปาตรุษจีน

03 ธ.ค. 2561 | 05:25 น.
[caption id="attachment_357665" align="aligncenter" width="311"] อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง[/caption]

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ในอัตรา 5% สำหรับการใช้จ่ายในช่วงวันที่ 1-15 ก.พ. 2562 เพื่อเป็นของขวัญวันตรุษจีนให้กับประชาชนทั่วไป ที่ซื้อสินค้าและชำระเงินผ่านบัตรเดบิต เพื่อเป็นการส่งเสริมระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลและยังเป็นการใช้เงินปัจจุบัน ไม่ใช่เงินอนาคต และผลประโยชน์จะตกกับคนไทยที่ไม่ใช่ต่างชาติที่เป็นตัวกลางชำระเงินบัตรเครดิตด้วย

นอกจากนั้น ยังสามารถดึงผู้ประกอบการเข้ามาอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยระบบ Pos จะเป็นตัวแยกภาษีมูลค่าเพิ่มไปยังกรมสรรพากร เป็นการสนับสนุนระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยคาดว่าจะมีการคืนแวตประมาณ 6-7 พันล้านบาท แต่จะของบประมาณไว้รองรับ 10,000 ล้านบาท หลังจากช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเชื่อมต่อเครื่องอีดีซีเข้ากับระบบ Pos ของกรมสรรพากร เพื่อคืนแวตให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา จึงจะนำระบบดังกล่าวมาใช้กับคนทั่วไปด้วย

"แต่ละเดือนจะมีการจัดเก็บแวตประมาณ 3 แสนล้านบาท ครึ่งเดือนก็จะประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งที่เราทำเพียง 15 วัน เป็นเงินแวตที่จะสูญเสียไปไม่มาก เพราะถ้าคิดต่อคนก็ประมาณ 1 พันบาทเท่านั้น แต่ก็เผื่องบประมาณไว้ก่อน โดยการคืนแวตจะโอนเข้าระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนเท่านั้น ใครที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ ก็ต้องไปผูกบัตรประชาชนเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันถือว่าการกระตุ้นระบบอี-เพย์เมนต์ของรัฐบาลเดินมาเกินครึ่งทางแล้ว โดยมีบัญชีที่ผู้กระบบพร้อมเพย์แล้ว 45 ล้านบัญชี แสดงว่า คนไทยที่มีบัญชีเงินฝากได้ผูกระบบไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะหลังการยกเว้นค่าธรรมเนียม ปรากฏว่า ทุกคนใช้พื้นฐานของพร้อมเพย์หมด"

ส่วนสาเหตุที่กำหนดให้ใช้กับบัตรเดบิตเท่านั้น ไม่รวมกับการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด เพราะบัตรเดบิตจะแยกแวตตั้งแต่ต้นทาง ขณะที่ คิวอาร์โค้ดไม่แยกจะรวมมาทั้งหมด ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังยังจะเจรจากับธนาคารพาณิชย์ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย เพราะถือว่าได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล

สำหรับความคืบหน้าโครงการช็อปช่วยชาติ นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ได้เสนอเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว คาดว่า น่าจะพิจารณาได้ในวันที่ 4 ธ.ค. นี้ โดยจะเป็นการใช้จ่ายซื้อสินค้าใน 3 รายการหลัก คือ ยางรถยนต์ หนังสือ และสินค้าโอท็อปที่จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 2561 - 15 ม.ค. 2562 วงเงินไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งใช้ได้ทั้งการชำระด้วยบัตรเครดิต เงินสด หรือ คิวอาร์โค้ด โดยในส่วนยางรถยนต์และหนังสือ จะต้องเป็นร้านที่อยู่ในระบบแวต ส่วนโอท็อปใช้ใบเสร็จธรรมดาได้ ส่วนใครที่ต้องการซื้อหมอนหรือที่นอนยางพารา ใช้ได้เฉพาะที่ซื้อจากโอท็อปเท่านั้น

"2 ปีก่อน ที่เราทำมาตรการช็อปช่วยชาติ เพราะต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ เพราะเห็นว่าคนออกไปซื้อของต่างประเทศเยอะมาก โดยจะเห็นจากยอดการขอคืนแวตในยุโรปสำหรับนักท่องเที่ยวนั้น ไทยอยู่อันดับ 2"

ดังนั้น จึงต้องการดึงการซื้อนั้นกลับเข้ามา แต่ปัจจุบัน การบริโภคในประเทศเติบโตค่อนข้างดี โดยขยายตัว 4% เมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน ที่โตไม่ถึง 1% ดังนั้น การจะทำมาตรการช็อปช่วยชาติอีก จะต้องไม่เป็นการทั่วไป เพราะยังมีบางสินค้าที่ต้องการกระตุ้นและเกิดการบริโภคในประเทศ


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,423 วันที่ 2 - 5 ธ.ค. 2561 หน้า 15

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
คลังจัดเต็ม! "ช็อปช่วยชาติตรุษจีน" คืนแวต 5%
รมว.คลัง ชี้ SISB เข้าตลาดหุ้นไม่ผิดหลักเกณฑ์

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว