"Fastwork" โปรเฟสชั่นนัลด้านแรงงาน พุ่งเป้าสู่องค์กรจัดจ้างระดับภูมิภาค
ในโลกยุคใหม่ "แรงงานอิสระ" รวมไปถึงแรงงานที่ต้องการรายได้เสริม มีเพิ่มจำนวนขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในตลาดเอเชียแปซิฟิก ที่กำลังขยายตัวด้านเศรษฐกิจอย่างมาก กลุ่มคนหนุ่ม 4 คน ที่นำทีมโดย "วสะ สุภาโชค เอี่ยมสุรีย์" Founder & CEO และ "วรพล ลีลาเวชบุตร" Vice President of Marketing บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด จึงได้ก่อตั้ง "Fastwork" โมบายแอพพลิเคชัน และเว็บไซต์ Fastwork.co แพลตฟอร์มที่เป็นเครื่องมือและช่องทางการหางานและคนที่ต้องการคนช่วยทำงานให้มาพบกันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จนปัจจุบันได้กลายเป็นแพลตฟอร์มแหล่งรวม Professional และ Freelance ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น ที่ 'วสะ' และเพื่อน ช่วยกันสร้างแพลตฟอร์ม "Fastwork" ขึ้น ด้วยจุดเริ่มต้นที่เขาได้ไปพบโมเดลการทำงานลักษณะนี้ในสหรัฐอเมริกา ช่วงที่ไปศึกษาอยู่ที่นั่น เมื่อกลับมาเมืองไทย จึงลองทำวิจัยการตลาด และเริ่มก่อตั้ง Fastwork ขึ้นจริงจังในวันที่ 1 ธ.ค. 2558 ด้วยการพัฒนาระบบและสร้างเป็นโมเดลของตัวเอง จากการเริ่มต้นในกลุ่มเพื่อน ๆ 4 คน และเพื่อนร่วมงานที่รับเข้ามาอีก 10 คน Fastwork ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียง 9 อาทิตย์ Fastwork ก็สามารถระดมทุนก้อนแรกได้ จาก 500 ตุ๊กตุ๊ก และยังเพิ่มทุนอีก 2 รอบ ด้วยเงินทุนเกือบ 200 ล้านบาท
'วสะ' อธิบายว่า Fastwork ดูแลคน 2 ประเภท คือ ฝั่งซัพพลาย ที่เป็นโปรเฟสชันนัลงานด้านต่าง ๆ และฝั่งของดีมานด์ ซึ่งมีหลากหลายทั้งองค์กรขนาดใหญ่และรายย่อย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจและเทคโนโลยีที่เข้ามามีผล ทำให้การจ้างงานในลักษณะนี้มีมากขึ้น เพราะเขาสามารถเปลี่ยนและปรับการทำงานเมื่อไรก็ได้ โดยปัจจุบัน Fastwork มีงานที่แตกต่างกันเกือบ 3 หมื่นงาน แยกเป็น 70 หมวดหมู่ย่อย และ 7 หมวดหมู่ใหญ่ มีงานตั้งแต่งานกราฟิก งานการตลาด เขียนคอนเทนต์ จนไปถึงการกรอกแบบสอบถาม งานมาร์เก็ตติ้งรีเสิร์ช บล็อกเกอร์ อินฟลูเอ็นเซอร์ งานดูแลร้านค้าออนไลน์ งานแปลภาษา งานถอดเทป งานตอบเพจ เฟซบุ๊ก หรือแม้แต่งานรับซื้อของจากเว็บไซต์จีน
'วรพล' บอกว่า จุดแข็งของ Fastwork คือ การมีเครื่องมือที่สามารถให้บริการได้หลากหลาย มีซัพพลายในการให้บริการมากกว่า 2 หมื่นคน ด้วยความเชี่ยวชาญและความสามารถที่แตกต่างกัน และมีราคาการจ้างงานตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักแสนบาท ซึ่งสามารถการันตีให้กับผู้จ้างงานได้ว่า "ได้งานแน่นอน" และผู้รับจ้างก็จะได้เงินค่าจ้างแน่นอนเช่นกัน โดยในระบบจะมีการให้เรตติ้งคนทำงานด้วยว่า แต่ละคนมีความสามารถและความน่าเชื่อถือขนาดไหน รวมไปถึงผู้จ้างงานสามารถเข้ามาเลือกคนทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยในระบบจะมีราคาขั้นตํ่าของแต่ละหมวดหมู่งาน โดย Fastwork จะคิดค่าคอมมิสชันอยู่ที่ 10-17% ตามประเภทของงาน
การทำงานของคนหนุ่มเหล่านี้ เขาบอกว่า Fastwork มีความพร้อมในการปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น และสามารถสนองตอบต่อความต้องการใช้งานของผู้ใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ หมวดหมู่งาน ก็จะขยายเพิ่มเติมต่อเนื่อง รวมถึงจำนวนซัพพลายผู้ให้บริการก็จะเพิ่มจำนวน และพร้อมที่จะคัดเลือกคนที่มีความสามารถเข้ามารับงานรูปแบบใหม่ ๆ และพวกเขายังพร้อมที่จะขยายงานออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งขณะนี้ได้ขยายไปที่อินโดนีเซียแล้ว เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา โดยตลาดมีการเติบโตสูงมาก ปัจจุบันมีซัพพลายแล้วกว่า 5,000 คน
2 หนุ่มผู้บริหารวัย 28 ปี บอกว่า Fastwork เติบโตเร็วมาก ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตมากกว่า 10 เท่าตัว และพวกเขายังพร้อมที่จะขยายตัวไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่า ภายใน 3 ปีนี้ จะขยายได้ครอบคลุมในประเทศที่มีความพร้อม รวมไปถึงเนปาลและบรูไน
"เวลาเราจะไปเข้าตลาดที่ไหน เราต้องดูว่า ตลาดเขาพร้อมไหม เราดูทั้งฝั่งดีมานด์และซัพพลาย ซึ่งที่อินโดนีเซีย ประชากรเขาเยอะกว่าไทยเกือบ 5 เท่า และมีคน Gen Y เยอะมาก ฝั่งซัพพลายของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเทรนด์การหารายได้เสริมมากกว่าที่อื่น ๆ เพราะรายได้จากเงินเดือนน้อย พวกเขาจึงอยากได้เงินเพิ่ม รายได้เสริม คือ สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขามาก และผู้ให้บริการในลักษณะเดียวกับ Fastwork ในภูมิภาคนี้ก็มีไม่ถึง 10 ราย"
จากการเติบโตแบบก้าวกระโดด และโอกาสในการขยายตลาด และพัฒนาบริการที่ยังมีอยู่มากมาย ทำให้ Fastwork ต้องขยายกำลังคนอย่างรวดเร็ว จากเริ่มต้นที่มีประมาณ 14 คน ขยับขึ้นเป็น 50 คน เพียง 14 เดือน จนปัจจุบันมีผู้ร่วมงานอยู่กว่า 60 คน และกำลังจะขยายเพิ่ม ซึ่งคาดว่าถึงสิ้นปีจะมีประมาณ 100 คน ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก Gen Y อายุเฉลี่ย 24-25 ปี
ผู้บริหารหนุ่มทั้ง 2 คน บอกว่า คนกลุ่มนี้ต้องการแสดงออก เป็นการทำงานที่มีความท้าทาย ... เราสอนทุกคนทำโน่นทำนี่ มีอะไรก็ให้โทรถาม การดูแลทีม เราเซตตั้งแต่วันแรก คือ People, Product และ ProFit ถ้าเราดูแลคนของเราได้ดีที่สุด ให้เขาได้ลองผิดลองถูก ได้โอกาสทำทุกอย่างที่เขาอยากทำ เมื่อเขาแฮปปี้ เราก็จะได้โปรดักต์ที่ดี เราทำแบบนี้มาตั้งแต่วันแรก เราส่งเสริมให้เขาลองผิดลองถูก ลองเร็ว เปลี่ยนเร็ว แล้วสเกลอัพเมื่อทุกอย่างโอเค ที่สำคัญ คือ ทำอะไรแล้วต้องเรียนรู้และพัฒนา
'วสะ' บอกว่า สิ่งที่เขาให้กับทีมงานในองค์กร จะเหมือนที่เขาให้ฝั่งซัพพลาย ซึ่งต้องได้รับการดูแลเหมือนเป็นพนักงานขององค์กรเช่นกัน โดยจะมีการส่งเสริมให้คนเหล่านี้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานและมีการอบรมให้ความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้พวกเขาได้พัฒนาและเติบโตต่อไป ขณะเดียวกัน ฝั่งของดีมานด์ก็จะได้งานที่ดี และได้รับความสำเร็จกับชิ้นงานของเขาเช่นกัน
'วรพล' ทิ้งท้ายว่า ซัพพลายที่อยู่กับ Fastwork คือ กลุ่มคนที่มีความสามารถ เป็นโปรเฟสชันนัลที่เข้ามารับงาน Fastwork มีหน้าที่ดูแลพวกเขา และทำให้พวกเขาสามารถเติบโตได้ โดยความทะเยอทะยาน (Ambition) หรือ ความตั้งใจของ Fastwork คือ การเป็นบริษัทที่มีพนักงานเยอะที่สุด ที่สามารถส่งต่อความโปรเฟสชันนัลของแต่ละคนออกไปสนองตอบความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุด โดยไม่จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น
นี่คือ ความมุ่งมั่นของ 2 หนุ่มผู้บริหาร "Fastwork"
หน้า 26-27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,424 ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2561
ระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น ที่ 'วสะ' และเพื่อน ช่วยกันสร้างแพลตฟอร์ม "Fastwork" ขึ้น ด้วยจุดเริ่มต้นที่เขาได้ไปพบโมเดลการทำงานลักษณะนี้ในสหรัฐอเมริกา ช่วงที่ไปศึกษาอยู่ที่นั่น เมื่อกลับมาเมืองไทย จึงลองทำวิจัยการตลาด และเริ่มก่อตั้ง Fastwork ขึ้นจริงจังในวันที่ 1 ธ.ค. 2558 ด้วยการพัฒนาระบบและสร้างเป็นโมเดลของตัวเอง จากการเริ่มต้นในกลุ่มเพื่อน ๆ 4 คน และเพื่อนร่วมงานที่รับเข้ามาอีก 10 คน Fastwork ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียง 9 อาทิตย์ Fastwork ก็สามารถระดมทุนก้อนแรกได้ จาก 500 ตุ๊กตุ๊ก และยังเพิ่มทุนอีก 2 รอบ ด้วยเงินทุนเกือบ 200 ล้านบาท
'วสะ' อธิบายว่า Fastwork ดูแลคน 2 ประเภท คือ ฝั่งซัพพลาย ที่เป็นโปรเฟสชันนัลงานด้านต่าง ๆ และฝั่งของดีมานด์ ซึ่งมีหลากหลายทั้งองค์กรขนาดใหญ่และรายย่อย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจและเทคโนโลยีที่เข้ามามีผล ทำให้การจ้างงานในลักษณะนี้มีมากขึ้น เพราะเขาสามารถเปลี่ยนและปรับการทำงานเมื่อไรก็ได้ โดยปัจจุบัน Fastwork มีงานที่แตกต่างกันเกือบ 3 หมื่นงาน แยกเป็น 70 หมวดหมู่ย่อย และ 7 หมวดหมู่ใหญ่ มีงานตั้งแต่งานกราฟิก งานการตลาด เขียนคอนเทนต์ จนไปถึงการกรอกแบบสอบถาม งานมาร์เก็ตติ้งรีเสิร์ช บล็อกเกอร์ อินฟลูเอ็นเซอร์ งานดูแลร้านค้าออนไลน์ งานแปลภาษา งานถอดเทป งานตอบเพจ เฟซบุ๊ก หรือแม้แต่งานรับซื้อของจากเว็บไซต์จีน
'วรพล' บอกว่า จุดแข็งของ Fastwork คือ การมีเครื่องมือที่สามารถให้บริการได้หลากหลาย มีซัพพลายในการให้บริการมากกว่า 2 หมื่นคน ด้วยความเชี่ยวชาญและความสามารถที่แตกต่างกัน และมีราคาการจ้างงานตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักแสนบาท ซึ่งสามารถการันตีให้กับผู้จ้างงานได้ว่า "ได้งานแน่นอน" และผู้รับจ้างก็จะได้เงินค่าจ้างแน่นอนเช่นกัน โดยในระบบจะมีการให้เรตติ้งคนทำงานด้วยว่า แต่ละคนมีความสามารถและความน่าเชื่อถือขนาดไหน รวมไปถึงผู้จ้างงานสามารถเข้ามาเลือกคนทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยในระบบจะมีราคาขั้นตํ่าของแต่ละหมวดหมู่งาน โดย Fastwork จะคิดค่าคอมมิสชันอยู่ที่ 10-17% ตามประเภทของงาน
การทำงานของคนหนุ่มเหล่านี้ เขาบอกว่า Fastwork มีความพร้อมในการปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น และสามารถสนองตอบต่อความต้องการใช้งานของผู้ใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ หมวดหมู่งาน ก็จะขยายเพิ่มเติมต่อเนื่อง รวมถึงจำนวนซัพพลายผู้ให้บริการก็จะเพิ่มจำนวน และพร้อมที่จะคัดเลือกคนที่มีความสามารถเข้ามารับงานรูปแบบใหม่ ๆ และพวกเขายังพร้อมที่จะขยายงานออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งขณะนี้ได้ขยายไปที่อินโดนีเซียแล้ว เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา โดยตลาดมีการเติบโตสูงมาก ปัจจุบันมีซัพพลายแล้วกว่า 5,000 คน
2 หนุ่มผู้บริหารวัย 28 ปี บอกว่า Fastwork เติบโตเร็วมาก ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตมากกว่า 10 เท่าตัว และพวกเขายังพร้อมที่จะขยายตัวไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่า ภายใน 3 ปีนี้ จะขยายได้ครอบคลุมในประเทศที่มีความพร้อม รวมไปถึงเนปาลและบรูไน
"เวลาเราจะไปเข้าตลาดที่ไหน เราต้องดูว่า ตลาดเขาพร้อมไหม เราดูทั้งฝั่งดีมานด์และซัพพลาย ซึ่งที่อินโดนีเซีย ประชากรเขาเยอะกว่าไทยเกือบ 5 เท่า และมีคน Gen Y เยอะมาก ฝั่งซัพพลายของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเทรนด์การหารายได้เสริมมากกว่าที่อื่น ๆ เพราะรายได้จากเงินเดือนน้อย พวกเขาจึงอยากได้เงินเพิ่ม รายได้เสริม คือ สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขามาก และผู้ให้บริการในลักษณะเดียวกับ Fastwork ในภูมิภาคนี้ก็มีไม่ถึง 10 ราย"
จากการเติบโตแบบก้าวกระโดด และโอกาสในการขยายตลาด และพัฒนาบริการที่ยังมีอยู่มากมาย ทำให้ Fastwork ต้องขยายกำลังคนอย่างรวดเร็ว จากเริ่มต้นที่มีประมาณ 14 คน ขยับขึ้นเป็น 50 คน เพียง 14 เดือน จนปัจจุบันมีผู้ร่วมงานอยู่กว่า 60 คน และกำลังจะขยายเพิ่ม ซึ่งคาดว่าถึงสิ้นปีจะมีประมาณ 100 คน ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก Gen Y อายุเฉลี่ย 24-25 ปี
ผู้บริหารหนุ่มทั้ง 2 คน บอกว่า คนกลุ่มนี้ต้องการแสดงออก เป็นการทำงานที่มีความท้าทาย ... เราสอนทุกคนทำโน่นทำนี่ มีอะไรก็ให้โทรถาม การดูแลทีม เราเซตตั้งแต่วันแรก คือ People, Product และ ProFit ถ้าเราดูแลคนของเราได้ดีที่สุด ให้เขาได้ลองผิดลองถูก ได้โอกาสทำทุกอย่างที่เขาอยากทำ เมื่อเขาแฮปปี้ เราก็จะได้โปรดักต์ที่ดี เราทำแบบนี้มาตั้งแต่วันแรก เราส่งเสริมให้เขาลองผิดลองถูก ลองเร็ว เปลี่ยนเร็ว แล้วสเกลอัพเมื่อทุกอย่างโอเค ที่สำคัญ คือ ทำอะไรแล้วต้องเรียนรู้และพัฒนา
'วสะ' บอกว่า สิ่งที่เขาให้กับทีมงานในองค์กร จะเหมือนที่เขาให้ฝั่งซัพพลาย ซึ่งต้องได้รับการดูแลเหมือนเป็นพนักงานขององค์กรเช่นกัน โดยจะมีการส่งเสริมให้คนเหล่านี้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานและมีการอบรมให้ความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้พวกเขาได้พัฒนาและเติบโตต่อไป ขณะเดียวกัน ฝั่งของดีมานด์ก็จะได้งานที่ดี และได้รับความสำเร็จกับชิ้นงานของเขาเช่นกัน
'วรพล' ทิ้งท้ายว่า ซัพพลายที่อยู่กับ Fastwork คือ กลุ่มคนที่มีความสามารถ เป็นโปรเฟสชันนัลที่เข้ามารับงาน Fastwork มีหน้าที่ดูแลพวกเขา และทำให้พวกเขาสามารถเติบโตได้ โดยความทะเยอทะยาน (Ambition) หรือ ความตั้งใจของ Fastwork คือ การเป็นบริษัทที่มีพนักงานเยอะที่สุด ที่สามารถส่งต่อความโปรเฟสชันนัลของแต่ละคนออกไปสนองตอบความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุด โดยไม่จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น
นี่คือ ความมุ่งมั่นของ 2 หนุ่มผู้บริหาร "Fastwork"
หน้า 26-27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,424 ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2561
