ปารีสเดือด! ประท้วงรัฐขึ้นภาษีน้ำมัน ดับ 3 บาดเจ็บกว่า 500 แล้ว

03 ธ.ค. 2561 | 05:07 น.
การประท้วงใหญ่ที่เรียกว่า "ม็อบเสื้อกั๊กเหลือง" เพื่อคัดค้านการขึ้นภาษีน้ำมันของรัฐบาลฝรั่งเศส กลายเป็นเหตุการณ์จลาจลที่สร้างความเสียหายมากเป็นประวัติการณ์ในรอบทศวรรษของประเทศฝรั่งเศสไปแล้ว โดยผู้ชุมนุมเรือนแสนได้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่และก่อความรุนแรงขึ้นในย่านธุรกิจสำคัญกลางกรุงปารีส เริ่มจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 1 ธ.ค. 2561 ที่เหตุการณ์ปะทุขึ้นกลายเป็นการจลาจลอีกครั้ง และครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ต้นสายปลายเหตุจากการ "ขึ้นภาษีน้ำมัน" ที่ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับสูงขึ้นมากและมีแนวโน้มส่งผลต่อค่าครองชีพในภาพรวม สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน โดยผู้ประท้วงระบุว่า ไม่พอใจต่อนโยบายของ ประธานาธิบดี "เอ็มมานูเอล มาครง" ซึ่งเหมือนอยู่บนหอคอยงาช้างและให้ความสนใจแต่กับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ แต่ละเลยเพิกเฉยต่อความเป็นอยู่และปัญหาปากท้องของชนชั้นกลาง คนระดับล่าง และผู้ใช้แรงงานที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และมีค่าครองชีพสูงขึ้น ทั้งนี้ ภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาลนายมาครง ตัวเลขอัตราการว่างงานของฝรั่งเศสขยับสูงถึง 10% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของภูมิภาคยุโรปโดยทั่วไป


paris1

ราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งใช้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสนั้น มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึง 23% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา จนมีราคาเฉลี่ยลิตรละ 1.51 ยูโร (ราว 56.65 บาท) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา (พ.ศ. 2543) สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนต้องจ่ายเงินค่าพลังงานมากขึ้น กระทั่งมีการชุมนุมประท้วงครั้งแรกในช่วงวันที่ 17-20 พ.ย. ที่ผ่านมา ในย่านถนนสายสำคัญทางธุรกิจกลางกรุงปารีส ซึ่งครั้งนั้นมีการก่อความรุนแรงและมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 500 คน เสียชีวิต 2 คน ฝ่ายเจ้าหน้าที่เองก็มีผู้บาดเจ็บเช่นกัน


Paris2

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขึ้นภาษีน้ำมันของรัฐบาลฝรั่งเศสนั้น ก็เป็นไปตามนโยบายผลักดันให้ประชาชนลด-เลิกการใช้รถที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินภายในปี ค.ศ. 2040 เพื่อหันไปใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ พาหนะอื่น ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่สร้างมลภาวะให้กับโลก แต่การมีนโยบายเช่นนี้ ก็ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องปรับขึ้นภาษีไฮโดรคาร์บอนในปีนี้ ที่อัตรา 7.6 เซนต์ต่อลิตร สำหรับน้ำมันดีเซล และ 3.9 เซนต์ต่อลิตร สำหรับเบนซิน ส่วนปีหน้า (ค.ศ. 2019) รัฐบาลฝรั่งเศสยังมีแผนจะขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลอีก 6.5 เซนต์ต่อลิตร และเบนซิน 2.9 เซนต์ต่อลิตร เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2019 แผนการดังกล่าวยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้นมาก กระทั่งต้องออกมาประท้วงกันบนท้องถนน


image2

ผู้นำฝรั่งเศสได้นำคณะออกสำรวจความเสียหายของการจลาจลช่วงเช้าวันอาทิตย์ (2 ธ.ค. 2561 ตามเวลาท้องถิ่น) ได้รับรายงานว่า มีผู้ถูกจับกุมจากการจลาจลครั้งล่าสุดนี้ 412 คน ผู้บาดเจ็บที่ได้รับการรายงานมีจำนวน 263 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 23 คน และผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับการประท้วงครั้งนี้มีจำนวน 3 คน นายมาครง กล่าวระหว่างการสำรวจซากรถยนต์ที่ถูกเผาทำลายรวมทั้งอาคารหลายแห่งที่ได้รับความเสียหาย ว่า เขาจะไม่ยอมรับการกระทำใด ๆ ที่เป็นการสร้างความรุนแรง และไม่มีเหตุผลอันควรใด ๆ ที่เจ้าหน้าที่รัฐจะถูกทำร้าย ธุรกิจห้างร้านถูกปล้นสะดม ประชาชนที่เดินผ่านไปมาหรือนักข่าวถูกขู่คุกคาม และไม่มีเหตุผลอันควรใด ๆ ที่ประตูชัยจะถูกทำลาย


image1

ทั้งนี้ บริเวณย่านธุรกิจสำคัญและสถานที่ที่มีชื่อเสียงในกรุงปารีสหลายแห่งกลายเป็นจุดศูนย์กลางการชุมนุมและได้รับความเสียหายจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น เช่น ถนนฌ็องเซลิเซ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โรงอุปรากรและปลาซว็องโดม ร้านรวงหลายแห่งถูกทุบกระจกและมีรถยนต์ถูกเผาหลายสิบคัน

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว 090861-1927-9-335x503-335x503