เฟอร์ฯ-วัสดุ รับอานิสงส์อสังหาฯบูม บิ๊กแบรนด์จับทิศกำลังซื้อปี62

02 ธ.ค. 2561 | 09:48 น.
แม้ตลาดที่อยู่อาศัย ได้รับรู้ข่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดยาแรง มาตรการใหม่สินเชื่อที่อยู่อาศัย เริ่มเดือนเมษายน 2562 เป็นต้นไป เพื่อสกัดเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัย ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดด้านนี้จะยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง

โดยนางธัญญรักข์ ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ฯ กล่าวว่า ไม่ว่าตลาดอสังหาฯจะดีหรือไม่กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลพวงผกผันตามไปด้วย ในปีนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 4-5% แม้ช่วงไตรมาสที่ 3 จะชะลอไปบ้าง แต่คาดว่าช่วงสุดท้ายของปีน่าจะกลับมาคึกคักขึ้น ประกอบกับการทิ้งทวนเปิดธุรกิจโมเดลใหม่ “CONDO SOLUTIONS” บริการแต่งคอนโดฯครบวงจร น่าจะดันให้ยอดขายเติบโตที่ 5% ประมาณ 7,800 ล้านบาท แม้ไม่เป็นไป ตามเป้าหมายที่วางไว้เบื้องต้น ว่าจะโตได้ถึง 10% แต่ความเปลี่ยน แปลงของตลาด ก็ถือเป็นโอกาสในการทำโมเดลการขายใหม่ๆ ออกมา เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า เน้นลูกค้าคอนโดฯมากขึ้น สัดส่วน 60-70% โดยเฉพาะลูกค้าที่ตกแต่งห้อง เพื่อสำหรับปล่อยเช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น 32% เป็นทั้งกลุ่มนักลงทุนและลูกค้าต่างชาติ โดยสินค้าได้รับความนิยม ได้แก่ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว,บิลต์อิน, ผ้าม่าน, วอลล์เปเปอร์ และระบบดิจิตอล เป็นต้น

187476

“หลายปีที่ผ่านมา ลูกค้าบ้านและคอนโดฯ ค่อยๆ เปลี่ยน ตอนนี้คอนโดฯแซงหน้า เพราะซัพพลายออกสู่ตลาดค่อนข้างมาก เป็นเทรนด์ของคนกรุงเทพฯที่อยู่คอนโดฯมากกว่า

ด้วยขนาดห้องที่มีแนวโน้มลดลง ความจำเป็นในการใช้เฟอร์ฯก็น้อยชิ้นลงเช่นกัน ส่งผลต่อมูลค่าการขายของบริษัทที่ขายดี แต่มูลค่าน้อยลงกว่าอดีต”

เช่นเดียวกับ นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC ผู้จัดจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ ภายใต้แบรนด์ ชิค รีพับบลิค กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ในช่วงที่เหลือของปี 2561 ตลอดจนถึงปีหน้า คาดจะมีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มลูก ค้าระดับกลาง-บน เนื่องจากผู้บริโภคในกลุ่มนี้มีความมั่นใจในการใช้จ่ายมากขึ้น โครงการอสังหา ริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ทั้งแนวราบและแนวสูงคาดการณ์จะเปิดตัวมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นโอกาสที่ดีในการดำเนินธุรกิจ

ล่าสุดบริษัทเพิ่งจับมือกับพันธมิตรจากสหรัฐอเมริกา “Ashley” (แอชลีย์) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของสหรัฐฯเพื่อรุกตลาดในประเทศไทยในช่วงท้ายปีอย่างต่อเนื่อง หลังพันธมิตรเล็งเห็นว่า เห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจของตลาดในประเทศไทย ที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มความต้องการใช้งานเฟอร์นิเจอร์ในอัตราที่สูง รวมไปถึงมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเตรียมนำสินค้าโดดเด่น มีเอกลักษณ์ และทันสมัยสไตล์อเมริกา ทั้งกลุ่ม เตียง ตู้ ชั้นวาง โต๊ะทำงาน โต๊ะรับประทานอาหาร โซฟา ลิ้นชัก ชั้นวางทีวี ฯลฯ มาช่วยส่งเสริมการขยายตลาดใหม่ให้เกิดการตอบรับที่ดี

187477

ด้านกลุ่มสินค้าวัสดุตกแต่งบ้านนั้น นางประไพ ทยานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ โฮมมาร์ท จำกัด ผู้นำจัดจำหน่ายกระเบื้องและวัสดุตกแต่งบ้าน กล่าวว่า จากแผนการลงทุนโครง สร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง คาดทำให้ดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัยในปีหน้าจะขยายตัวในทุกทำเล ซึ่งถือเป็นโอกาสของธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มกระเบื้องตกแต่ง หลังจากมีข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่คาดการณ์การใช้กระเบื้องเซรามิกทั้งประเทศของปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 169 ล้านตร.ม. ส่วนปี 2562 จะขยายตัวขึ้นอีก 2% ขณะที่ตลาดรวมของธุรกิจวัสดุตกแต่งทั้งประเทศ มีมูลค่าสูงถึงปีละ 3.3 หมื่นล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี โดยกลุ่มลูกค้าหลักในกรุงเทพฯปริมณฑลของบริษัท ยังเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น พฤกษา แสนสิริ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เอพี และออริจิ้นเป็นต้น สัดส่วนประมาณ 70% แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มลูกค้ารีเทลและขายปลีกมีอัตราเพิ่มขึ้น ทั้งผู้ออกแบบ เจ้าของบ้านและผู้รับเหมา ปี 2562 บริษัทจึงตั้งเป้าปรับสัดส่วนรายได้ เป็นธุรกิจขายโครงการ 60% และธุรกิจขายปลีกเป็น 40% โดยเฉพาะทิศทางในหัวเมืองต่างจังหวัดที่มีการเติบโตทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน อย่าง 3 จังหวัดในอีอีซี (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) ที่ตั้งเป้าขยายสาขา 10 สาขา มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท รองรับกลุ่มลูกค้าสร้างบ้านใหม่และรีโนเวตบ้าน

“โอกาสในต่างจังหวัดมีมาก โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ ยิ่งรัฐส่งเสริมด้วยรถไฟความเร็วสูง พุ่งเป้าไปทีอีอีซี ทั้งที่อยู่อาศัย บ้านผู้สูงอายุ ห้างและโรงแรม ตลาดคึกคัก สะท้อนจากสาขาแรก กระทิงลาย ชลบุรี เพิ่งเปิดเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ผลตอบรับดีเกินคาด มีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการรายกลาง-รายเล็ก และเจ้าของบ้านเข้ามาเป็นจำนวนมาก”

สำหรับแกรนด์โฮมมาร์ท ตั้งเป้ารายได้ในปี 2562 ที่ 5.2 พัน ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2561 ที่ 4.5 พันล้านบาท พร้อมเตรียมขยายสาขาให้ครบทั่วประเทศ 200 สาขา ในช่วง 5 ปี งบการลงทุน 6 พันล้านบาท โดยเพิ่มสินค้าและบริการใหม่รวม 65,000 กลุ่มสินค้า

หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3423 ระหว่างวันที่ 2 - 5 ธันวาคม 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว