"FETCO" ฟันธงหุ้นกระทิงยังไม่จบ

28 พ.ย. 2561 | 09:04 น.
"FETCO" เขื่อภาวะหุ้นกระทิงยังไม่จบ แม้ตลาดหุ้นจะปรับขึ้นต่อเนื่อง 10 ปีแล้ว หลังสภาพคล่องเริ่มทยอยลดลง ลุ้นเงินไหลกลับ ชี้เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงจากเสถียรภาพการเมือง ส่งออก และท่องเที่ยว หวังการลงทุนและการบริโภคเอกชนช่วยทดแทน

[caption id="attachment_354372" align="aligncenter" width="335"] นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายไพบูลย์ นลินทรางกูร[/caption]

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "โฉมหน้าเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย 2019" ในงานสัมมนา "5 อรหันต์หุ้น หุ้น 5 อรหันต์ลงทุนให้รวย” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยปี 2562 คาดจะฟื้นตัวได้ ถึงแม้จะปรับขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 10 ปี แต่ยังไม่จบ เพราะสภาพคล่องของโลกขณะนี้ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้โอกาสที่เงินทุนจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นมีน้อย แต่ถ้าสภาพคล่องเริ่มทยอยลดลงจนอยู่ในระดับปกติ และภาพรวมต่างๆ ดูดีขึ้น จะทำให้เงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นได้

อย่างไรก็ตาม มองว่า Upside จะไม่เหมือนในอดีตที่สูงถึง 30-40% เนื่องจากปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะเกินกว่าเศรษฐกิจเล็กน้อย หากเศรษฐกิจโตได้ ตลาดหุ้นก็จะโตตาม โดยจะยังไม่ถึงสูงสุดในปีหน้า ต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในอีก 1 ปีข้างหน้า โอกาสที่ตลาดหุ้นในภาวะกระทิงจะจบนั้นยังเร็วเกินไป

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงจากเสถียรภาพรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่การกำหนดวันเลือกตั้ง แต่อยู่ที่โฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ที่เป็นแบบรัฐบาลผสม ความเชื่อมั่นจะไม่เท่ากับรัฐบาลชุดนี้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังชะลอการลงทุนเพราะยังมองเป็นความเสี่ยง นอกจากนี้ การส่งออกและการท่องเที่ยวจะไม่โตเหมือนในอดีต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่ได้ถูกกระทบจากกรณีเรือล่มเท่านั้น ยังมาจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลงด้วย ดังนั้น เครื่องมือที่จะเข้ามาทดแทนเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ที่ 3.8 - 4% คือ การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน

สำหรับภาวะฟองสบู่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นั้น มองว่าจะยังไม่เกิดในสหรัฐ และในประเทศไทย รวมถึงทั่วโลก เนื่องจากฐานะธนาคารพาณิชย์ยังคงแข็งแกร่ง เห็นได้จากปัจจุบันยังไม่พบปัญหาในประเทศใหญ่ๆ แต่อาจจะเกิดขึ้นในประเทศเล็กๆ และโอกาสที่จะเกิดเป็นวิกฤตโลกมีน้อยมาก ขณะที่ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดจะปรับขึ้น 1-2 ครั้ง ซึ่งหากไม่ปรับขึ้นในตอนนี้ จะทำให้การปรับลดในอนาคตทำได้ยาก

"จากอดีตที่ปีไหนภาวะตลาดหุ้นไม่ดี ปีต่อไปจะดีขึ้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจว่าจะถดถอยหรือไม่ และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังเติบโตหรือไม่ ซึ่งตลาดภาวะหมีจะไม่เกิดขึ้นในช่วงที่ผลการดำเนินงานบจ.ยังเติบโตได้ดี อาจจะมีปรับฐานได้ตลอดทางบ้าง แต่มองว่ายังมีโอกาสสูงที่จะฟื้นตัวได้ ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องกังวลมากๆ คือ วิกฤตใหม่ของโลกจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่" โปรโมทแทรกอีบุ๊ก