กสอ. ผนึก อาลีบาบาเสริมแกร่ง SMEs สู้ศึกตลาดออนไลน์

28 พ.ย. 2561 | 06:47 น.
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และอาลีบาบา บิสิเนส สคูล จัดสัมนาเสริมแกร่งความรู้ให้เอสเอ็มอีสร้างความได้เปรียบบนตลาดออนไลน์  พร้อมเผยแผนปีหน้าใช้กลยุทธ์การตลาดนำการผลิตรับมือสภาวะความเปลี่ยนแปลง

นายกอบชัย  สังสิทธิสวัสดิ์  อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่ากสอ.ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และอาลีบาบา บิซิเนส สคูล (Alibaba Business School) จัดกิจกรรมสัมมนา Alibaba Global Course ภายใต้แนวคิด “New Technology, New Opportunity Thailand 2018”  ซึ่งมุ่งเน้นการเจาะลึกดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งด้วยเทคโนโลยีก้าวกระโดด เพื่อชิงความได้เปรียบช่องทางการตลาดออนไลน์ ให้กับเอสเอ็มอี (SMEs) ไทย ประกอบไปด้วย เส้นทางในการก้าวสู่การเป็นดิจิทัลของเมืองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการไทยในด้านความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีดิจิทัล  การเจาะลึกปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interactive) ที่จะเผยให้เห็นถึงข้อมูลอินไซต์จากวิจัยของอาลีบาบาเพื่อให้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ในการดำเนินธุรกิจให้ผู้ประกอบการ และยกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภค พร้อมทั้งศักยภาพของบิ๊กดาต้าที่จะช่วยเปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล โดยมีสมาร์ทสโตร์และช่องทางค้าปลีกของอาลีบาบาเป็นกรณีศึกษา พร้อมด้วยวิทยากรในระดับแถวหน้าจากอาลีบาบาที่ให้เกียรติร่วมบรรยายอย่างมากมาย

thumbnail_นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ทั้งนี้  ในปี 2562 กสอ. มีนโยบายในการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วยแนวคิด “การตลาดนำการผลิต” ซึ่งนโยบายดังกล่าว มุ่งให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ทันกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริมในเรื่องการทำตลาดออนไลน์  หรือดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง โดยปัจจัยดังกล่าวถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการช่วยขับเคลื่อนการแข่งขันทางธุรกิจ โดยเฉพาะการลดต้นทุนการก้าวนำคู่แข่ง การเชื่อมโยงผู้บริโภคจากทั่วโลก รวมทั้งความได้เปรียบทางด้านข้อมูลที่ยุคนี้จะต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว

นายกอบชัย กล่าวต่อไปอีกว่า แนวโน้มการทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลในปีถัดไปคาดว่าจะมีการแข่งขันกันในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเรื่องที่สำคัญต่อไปนี้  1.การสร้างเรื่องราวของแบรนด์ หรือ Content Marketing ซึ่งจะต้องมีความแตกต่าง จากการนำเสนอเนื้อหาของแบรนด์ด้วยประสบการณ์จริงที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจ มีความรวดเร็ว สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆที่เป็นปัจจุบัน และต้องสร้างความรู้สึกให้ผู้พบเห็นหรือผู้บริโภครู้สึกอยากติดตามจากความสม่ำเสมอในการนำเสนอเนื้อหาที่ต้องไม่มากหรือน้อยจนเกินไป

,2.การเลือกใช้ช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการจำหน่าย หรือประชาสัมพันธ์ เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ล้วนเข้าถึงสังคมออนไลน์ประเภทต่างๆแทบทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องรู้จักการนำสินค้าให้เข้าไปอยู่บนช่องทางที่สอดคล้องกับผู้บริโภคในแต่ละช่วงอายุ เช่น ตลาดผู้สูงอายุต้องใช้ช่องทางที่ไม่ซับซ้อนและเข้าถึงง่าย กลุ่มวัยรุ่นต้องเน้นภาพ เนื้อหา และการโต้ตอบ กลุ่มคนวัยทำงานเน้นช่องทางที่สามารถชำระค่าบริการได้อย่างเบ็ดเสร็จ เป็นต้น

,3.การให้ความสำคัญกับข้อมูล (Big Data) จากพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถศึกษาได้จากผู้ให้บริการช่องทางการค้าออนไลน์ ทั้งการให้ความสนใจกับสินค้าแต่ละประเภท การตัดสินใจเลือกซื้อ รวมถึงการติดตามผ่านการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงแนวทางการปรับปรุงคุณภาพสินค้าและการบริการ ต่อเนื่องถึงการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

,4.ให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว  ผู้ประกอบการต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการรับมือจากการเข้ามา ของระบบเทคโนโลยี 5 G ซึ่งอาจมีผลที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคมีความรวดเร็วในการตัดสินใจ ความเร่งรีบในการเลือกชมสินค้า ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องปรับกลยุทธ์การนำเสนอเนื้อหาที่ต้องสามารถเห็นแล้วเข้าใจทันที มีระบบการสั่งซื้อ จ่ายเงิน และการขนส่งที่รวดเร็ว การตอบข้อสงสัยด้วยระบบอัตโนมัติเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ตลอดเวลา

และ5.เตรียมกำลังคนให้พร้อมกับทักษะด้านดิจิทัล ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่งในแต่ละองค์กร ดังนั้นทั้งผู้ประกอบการและบุคลากรในแต่ละธุรกิจจึงต้องมีทักษะในเรื่องดังกล่าว เช่น การรับ-ส่งข้อมูล การวิเคราะห์สถิติต่างๆ การอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆที่สามารถเป็นเครื่องมือและเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจ

“การส่งเสริมของกสอ.ในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมาได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการก้าวเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ เช่น
T-GoodTech , J-GoodTech , Alibaba โดยมุ่งเน้นการจับคู่ระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business: B2B) ระหว่างผู้ประกอบการไทยด้วยกันเองและผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการต่างประเทศ รวมถึงขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคทั่วไป (Business to Consumer: B2C) ซึ่งเป้าหมายในปีถัดไปยังจะมุ่งผลักดันให้เข้าถึงช่องทางการค้าออนไลน์ต่างๆให้ได้มากกว่า 10,000 ธุรกิจ ครอบคลุมปัจจัยที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมและธุรกิจหลากหลายประเภท อาทิ การจัดการด้านโลจิสติกส์ อีคอมเมิร์ซ การประชาสัมพันธ์ ฯลฯ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอีให้เติบโต พร้อมก่อมูลค่ามหาศาลผ่านช่องทางที่มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น”

thumbnail_นายไมเคิล ซู ให้บรรยายในหัวข้อจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน รับมือเทคโนโลยีก้าวกระโดด

นายไมเคิล ซู  ผู้อำนวยการอาลีบาบา กรุ๊ปและรองประธานมหาวิทยาลัยเถาเป่า (Mr. Michael Xu, Director of Alibaba Group and Vice President of Taobao University) กล่าวว่า ในการจัดฝึกอบรมในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นจุดยืนของอาลีบาบาที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กของไทยตามที่เคยให้คำมั่นไว้กับรัฐบาลไทย โดยสัมมนาในครั้งนี้ จะเน้นในด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ทั้งในด้านธุรกิจจนไปถึงการบริหารจัดการเมือง เราหวังว่าการสัมมนานี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมสัมมนาในการวางแผนของการก้าวสู่เส้นทางของโลกดิจิทัล

595959859