สธ.รุกพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลผู้สูงอายุพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การจัดการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ในปี 2568 จะมีผู้สูงอายุประมาณ 14.4 ล้านคน กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำโครงการพัฒนาระบบดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุข สำหรับสูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ตำบล (Long Term Care) จัดระบบการดูแลที่มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน เป็นบริการเชิงรุกให้บริการถึงบ้าน เน้นการส่งเสริมสุขภาพและดูแลผู้สูงอายุให้ได้รับการดูแลจากทีมสหวิชาชีพ จากหน่วยบริการปฐมภูมิอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีการจัดอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Care Giver) หลักสูตร 70 ชม. เช่น การช่วยเหลือผู้สูงอายุเบื้องต้น การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ และการใช้ยาในผู้สูงอายุ เป็นต้น เพื่อดูแลผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ตำบลละไม่น้อยกว่า 10 คน ซึ่งคนกลุ่มนี้ จะเป็นกำลังสำคัญในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ขณะนี้ได้อบรมไปแล้วทั่วประเทศประมาณ 5,000 คน พร้อมทั้งส่งเสริมให้คนในครอบครัวผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง เป็นอาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุให้ครอบคลุมต่อเนื่อง และกลับมาพึ่งตนเองได้
ในปี 2558 กระทรวงสาธารณสุขตรวจคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุจำนวน 6,394,022 คน พบเป็นกลุ่มติดสังคมประมาณ 5 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง กลุ่มติดบ้าน ติดเตียง ที่ต้องได้รับการบริการด้านสุขภาพและสังคมประมาณ 1.3 ล้านคน สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด มีผู้สูงอายุประมาณ 2.1 ล้านคน คาดว่ามี ผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียงในภาคเหนือไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน สำหรับในปี 2559 มี ผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดในตำบลเป้าหมายประมาณ 18,500 คน ในพื้นที่ 259 ตำบล และเร่งพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Care Giver) ในพื้นที่เป้าหมายไม่ต่ำกว่า 1,850 คน ผู้จัดการ การดูแลผู้สูงอายุ (Care manager) 200 คน โดยกระทรวงสาธารณสุขจะขยายให้ครอบคลุมครบทุกตำบลทั่วประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2561