กรุงศรีมองเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.90-33.20 บ.ต่อดอลลาร์

26 พ.ย. 2561 | 07:32 น.
กรุงศรีมองเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ32.90-33.20 บ.ต่อดอลลาร์ คาดดอลลาร์ได้แรงหนุนจากปัจจัยนอกสหรัฐฯ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.90-33.20 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 33.05 บาทต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยค่าเงินบาทและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยได้รับแรงกดดันจากรายงานจีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งเติบโตน้อยกว่าคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4.3 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร1.14หมื่นล้านบาทส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนอ่อนแอเกินคาด ขณะที่สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปได้เห็นพ้องร่างข้อตกลงกำหนดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหลังจาก Brexit แต่ผลกระทบต่อค่าเงินปอนด์ยังคงจำกัดเนื่องจากตลาดคาดว่ารัฐสภาสหราชอาณาจักรอาจไม่อนุมัติแผนดังกล่าว

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) รายงานการประชุมเฟด รวมถึงการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ซึ่งจุดสนใจหลักจะอยู่ทีข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนว่าจะมีสัญญาณคลี่คลายลงได้บ้างหรือไม่ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกซึ่งปรับตัวลดลงมาแรงจะเป็นปัจจัยที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนเช่นกัน ในระยะนี้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มได้แรงหนุนจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจนอกสหรัฐฯแม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯจะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม

สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประเมินว่าอาจพิจารณาปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี2561 ลงจาก 4.4%หลังจีดีพีไตรมาส3เติบโตเพียง 3.3%แต่ทางการมองว่าหากเศรษฐกิจไทยทั้งปียังเติบโตได้เกิน4%ถือว่าไม่น่ากังวลสำหรับการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยโดยเศรษฐกิจยังเติบโตตามการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขณะที่ยอดส่งออกเดือนตุลาคมกลับมาขยายตัว8.7%ถือเป็นการยืนยันว่าการหดตัวในเดือนกันยายนสะท้อนปัจจัยชั่วคราวเรื่องภัยธรรมชาติที่ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกไปตลาดเอเชียลดลงส่วนผลกระทบจากสงครามการค้ามีเพิ่มขึ้นบ้างโดยเฉพาะการส่งออกไปจีนนอกจากนี้ยังคงต้องติดตามสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนหลังรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆเพื่อช่วยกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ทั้งนี้ ธปท.กล่าวว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งล่าสุดได้ให้น้ำหนักเรื่องเสถียรภาพและการสร้างPolicy Space สำหรับระยะข้างหน้า ขณะที่เรายอมรับว่าเศรษฐกิจไตรมาส 3 ย่ำแย่กว่าคาดไว้มากแต่ท่าทีของผู้ดำเนินนโยบายการเงินสนับสนุนมุมมองของเราที่ว่ากนง.มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันที่ 19 ธันวาคม และในปี 2562 อีกหนึ่งครั้งสู่ระดับ 2.00% ซึ่งเป็นการขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแนวทางการดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพเป็นหลัก 090861-1927-9-335x503-335x503