ชิงเค้ก "บ้านล้านหลัง" !! 'หมอบุญ' งัดแลนด์แบงก์ 8 พันไร่ ผุดแสนหน่วย 25 จังหวัด

25 พ.ย. 2561 | 10:14 น.
251161-1650

'หมอบุญ' โดดร่วมโครงการบ้านล้านหลัง งัดแลนด์แบงก์กว่า 8 พันไร่ กว่า 8 หมื่นล้าน ใน 25 จังหวัด รวมกรุงเทพฯ ราคาไม่เกิน 7 แสน ตั้งเป้าผลิต 1 แสนยูนิต ร่วมโครงการเฟส 2-5 พร้อมนำร่อง 3 โครงการ 3,000 หน่วย

หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไฟเขียวธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดทำ "โครงการบ้านล้านหลัง" มุ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน หรือ กำลังเริ่มสร้างครอบครัว ภายใต้วงเงินรวม 6 หมื่นล้านบาท ด้วยการอัดเงินก้อนใหญ่ 5 หมื่นล้านบาท ปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนกู้ซื้อที่อยู่อาศัย วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ผ่อนด้วยดอกเบี้ยต่ำนานถึง 40 ปี พร้อมพยุงผู้ประกอบการ ด้วยสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอีก 1 หมื่นล้านบาท นำไปจัดทำที่อยู่ตามกำหนดไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหน่วยด้วยนั้น

 

[caption id="attachment_352810" align="aligncenter" width="503"] น.พ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์กรุ๊ปฯ น.พ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์กรุ๊ปฯ[/caption]

หมอบุญรุกบ้านล้านหลัง
น.พ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์กรุ๊ปฯ เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง จำนวน 1 แสนหน่วย บนที่ดิน 37 แปลง 25 จังหวัดทั่วประเทศ มูลค่า 5-8 หมื่นล้านบาท ราคาขายต่อหน่วยไม่เกิน 7 แสนบาท เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตนเอง

รูปแบบโครงการที่อยู่อาศัยที่จะพัฒนา แนวราบจะเป็นทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดชั้นเดียว ส่วนแนวสูงจะสร้างไม่เกิน 7 ชั้น ขึ้นกับความเหมาะสมของที่ดิน เช่น ถ้าเป็นที่ดินในอำเภอเมือง ในหัวเมืองหลัก จะสร้างโครงการแนวสูง เช่น ที่นครราชสีมา หรือ ขอนแก่น

ในเบื้องต้น เสนอ ธอส. อนุมัติ 3 โครงการนำร่อง ใน 3 จังหวัด มีอุตรดิตถ์, อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และ จ.ราชบุรี รวม 3,000 หน่วย ทั้งนี้ ราคาขายต่อหน่วยไม่เกิน 7 แสนบาท ผ่อนต่องวดไม่เกิน 3,900 บาท คาดว่าจะมีบ้านและคอนโดมิเนียมเข้าร่วมโครงการได้ในเฟส 2-5 สำหรับเฟสแรกนี้ไม่สามารถสร้างได้ทันการ


fcd98f063a24506376a33ff5e57fe9f2

ต้นทุนที่ดิน 20 ปีก่อน
น.พ.บุญ กล่าวว่า บริษัทสามารถทำราคาขายไม่เกิน 7 แสนบาทได้ เนื่องจากได้เปรียบเรื่องต้นทุนที่ดินสะสมมานานกว่า 20 ปี และมีกว่า 8,000 ไร่ แต่จะเลือกทำเลที่มีศักยภาพออกมาร่วมโครงการ เช่น ในเขตกรุงเทพฯ พุทธมณฑล สาย 1 และสาย 2 ซื้อมาเมื่อ 20 ปีก่อน ราคา 7-8 แสนบาทต่อไร่ ปัจจุบัน กว่า 10 ล้านบาทต่อไร่ เช่นเดียวกับทำเลรังสิต ปทุมธานี ขณะต่างจังหวัดซื้อเมื่อ 20 ปีก่อน เฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อไร่ แต่ปัจจุบัน 7-8 แสนบาทต่อไร่ เป็นต้น ปัจจัยบวกดังกล่าว ทำให้บริษัทสามารถตั้งราคาขายตามที่รัฐบาลกำหนดได้ โดยเฉพาะบ้านแนวราบ ขณะที่ ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามา หากไม่มีที่ดินสะสมมานานสนับสนุนจะทำโครงการยาก เพราะต้นทุนที่ดินแพง สำหรับโครงการนี้บริษัทไม่เน้นกู้สถาบันการเงิน แต่ร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนา โดยบริษัทเป็นผู้ออกที่ดิน

"โครงการบ้านล้านหลัง มองว่ามีประโยชน์ โดยเฉพาะคนอยากมีบ้านและที่ดินเป็นของตนเอง ซึ่งรัฐบาลมาถูกทาง ที่สำคัญ บ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ในปัจจุบันหายาก อีกทั้งยังได้สินเชื่อกับ ธอส. ดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย"


P1-LINE-3421

เปิดชื่อบ้านล้านหลังเฟส 1
"ฐานเศรษฐกิจ" ตรวจสอบโครงการบ้านล้านหลังเฟสแรก พื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้มีรายได้น้อย อาทิ โครงการรีเจ้นท์โฮม บางซ่อน กรุงเทพฯ โดยบริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด, โครงการรีเจ้นท์โฮม สุขุมวิท 81 กรุงเทพฯ โดยบริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด, โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 จ.ปทุมธานี โดยบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), โครงการพลัม คอนโด พหลโยธิน 89 จ.ปทุมธานี โดยบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน), โครงการเพลิน เพลิน คอนโดมิเนียม เฟส 1-2 บางบัวทอง-เวสต์เกต จ.นนทบุรี โดยบริษัท วิถีไทย เรียลเอสเตท จำกัด, โครงการเฟื่องฟ้าวิลล่า โครงการ 17 จ.สมุทรปราการ โดยบริษัท ชลนภา จำกัด

โครงการในภูมิภาค อาทิ โครงการภายใต้บริษัท เค.ที.แลนด์ จำกัด จ.สมุทรสาคร, โครงการริเวอร์ทาวน์ ต.บ้านเหรือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยบริษัท แอล เอช เอ็ม จำกัด, โครงการวิว คอนโด อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด วิวคอนโด 1, โครงการ City Link Condo ถ.มิตรภาพ เฟส 1 จ.นครราชสีมา โดยบริษัท คลังคาซ่า จำกัด, โครงการพิมานบุรี อ.เมือง จ.ขอนแก่น เฟส 1 โดยอีสานพิมานกรุ๊ป, โครงการภายใต้บ้านสวยกรุ๊ป จ.สุราษฎร์ธานี โดยบ้านสวนสวยกรุ๊ป สุราษฎร์ธานี

 

[caption id="attachment_352811" align="aligncenter" width="503"] ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่พักอาศัยในกลุ่มราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท และไม่เกิน 2 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ "พลัม คอนโด" ในทำเลต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก สัดส่วน 20% จากโครงการที่มีทั้งหมด เจาะทำเลย่านชุมชน ที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น ตั้งแต่จำนวนหน่วยต่อโครงการไม่มากไป จนถึง 400-500 หน่วย ซึ่งแต่ละโครงการมียอดขายออกต่อเนื่อง จากลูกค้าที่เดิมทีเช่าอพาร์ตเมนต์พักอาศัย เปลี่ยนมาซื้อคอนโดฯ แทน ทำให้แต่ละโครงการสามารถปิดโครงการได้เร็วภายใน 2 ปี โดยเฉพาะโครงการ "พลัม คอนโด พหลโยธิน 89" จ.ปทุมธานี ที่ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 3.8 พันล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 5 พันล้านบาท เฉลี่ยยอดขาย 80 หน่วยต่อเดือน คาดจะปิดโครงการได้ภายในปี 2562

อย่างไรก็ตาม จากนโยบายบ้านล้านหลังของรัฐบาล ทำให้บริษัท ซึ่งเป็นผู้นำอยู่ในตลาดดังกล่าว มีแผนจะขยายไปยังโครงการอื่น ๆ ต่อเนื่อง เพื่อรับโอกาสและอาจจะได้เห็นการเกิดขึ้นของโครงการอื่น ๆ โดยผู้ประกอบการรายเล็กเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น เนื่องจากการขึ้นโครงการโดยรายใหญ่อาจเป็นไปได้ยาก ไม่คุ้มค่า จากการบริหารต้นทุนที่ต้องรัดกุม หากไม่มีความพร้อมด้านทีมงาน ความรู้ และโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้างโดยตรง ต่างจากพฤกษาที่มีบริษัทผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (พรีแคสต์) รองรับ ขณะที่ รายเล็ก ข้อดี หากก่อสร้างในที่ดินตนเองด้วยโครงการขนาดเล็ก ก็ทำให้มีต้นทุนไม่สูงนัก สามารถแข่งขัน ทั้งนี้ ถือว่านโยบายดังกล่าวของรัฐบาลเป็นนโยบายที่ดี เป็นการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอยากมีบ้าน ซึ่งล้วนแล้วเป็นเรียลดีมานด์อย่างแท้จริง


ts_Plum89_1145x400-02-01__1145x400

"เดิมทีตลาดนี้ไม่ได้บูม แต่ขายออกได้เรื่อย ๆ คล้ายน้ำซึมบ่อทราย นโยบายของรัฐบาลเท่ากับเป็นการช่วยให้ประชาชนมีบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มคนอาชีพอิสระ พ่อค้า-แม่ค้า ที่มีอาชีพรองรับ แม้รายได้ไม่แน่นอน แต่พบวินัยการเงินเขาดี ถ้าขายออกจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก และดีต่อตลาดอสังหาฯ เพราะเป็นเรียลดีมานด์"

ขณะที่ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เดิมซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดฯ ราคาไม่แพงจำนวนมาก เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทมียอดขายในโครงการ "ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1" ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัย 8 ชั้น 50 อาคาร รวม 10,074 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 87 ไร่ ราคาเริ่มต้น 6.39 แสนบาท (ราคา ณ วันเปิดโครงการ) แล้วประมาณ 5 พันหน่วย มูลค่า 3.5 พันล้านบาท โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยายตลาดในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มเติม หลังจากปัจจุบันมีข้อจำกัดและโอกาสในการก่อสร้างคอนโดฯ ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท อย่างในอดีตเป็นเรื่องยาก เนื่องด้วยต้นทุนราคาที่ดินที่สูงและหายากในปัจจุบัน อาจไม่คุ้มค่า


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,421 วันที่ 25 - 28 พ.ย. 2561 หน้า 01-02

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"บ้านล้านหลัง" กระตุ้นอสังหาฯใต้ บ้านสวยกรุ๊ปกางแผนรุก 7 จังหวัด
ธอส. จัดให้!! เว็บไซต์บ้านล้านหลัง


เพิ่มเพื่อน
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว