'กฤษฎา' เดินหน้าเต็มสูบถนนยางพารา!!

'กฤษฎา' ชม "อุทัย-หนองบัวลำภู" เดินหน้าเต็มสูบถนนยางพารา

2 จังหวัด เปิดเกมรุกคืบถนนยางพารา 'กฤษฎา' ชมเปาะ "หนองบัวลำภู-อุทัยธานี" มาถูกทาง พร้อมจดแต้มบันทึกความดีความชอบ รายงานแจ้งตรงว่า การซื้อน้ำยางสดจาก 2 สหกรณ์ 2.4 พันกิโลกรัม ราคา 26 บาทต่อ กก. ต่ำกว่าตลาดกลางยางพารา 9 บาทต่อ กก. แต่ค่าใช้จ่ายเพียบไม่คุ้ม! ยันไม่ได้กดราคา คำนึงถึงเกษตรกรได้ประโยชน์สูงสุด




นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หลังจากที่ได้มีการเร่งรัดเรื่องการนำยางพาราไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงานรัฐ ปรากฏว่า มี 2 จังหวัดในขณะนี้ ได้แก่ จ.หนองบัวลำภู และอุทัยธานี ที่เกษตรจังหวัดได้รายงานความคืบหน้าการใช้ยางพาราขององค์การบริหารจังหวัด (อบจ.) หนองบัวลำภู ใช้ทำถนนยางพาราซอยซีเมนต์ ที่หมู่บ้าน 4 บ้านหินลับ ต.หนองสวรรค์ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู โดยซื้อน้ำยางสด จำนวน 2,400 กก. ราคา กก. ละ 26 บาท จากกลุ่มเกษตรกรห้วยเดื่อและสหกรณ์กองทุนสวนยางโนนทันยางทองจำกัด สถาบันละ 1,200 กิโลกรัม เพื่อดำเนินการในพื้นที่แล้ว




ส่วน จ.อุทัยธานี ก็ได้รับรายงานจากรองผู้ว่าจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งแสดงถึงความตั้งใจทุ่มเทการทำงานของเกษตรจังหวัด ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย จ.อุทัยธานี ว่า ได้มีการเข้าพบหารือในเรื่องที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกแห่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำยางพาราไปใช้ประโยชน์ในโครงการต่าง ๆ เช่น ถนน เป็นต้น ซึ่งในเร็วนี้จะบันทึกเสนอท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

นายกฤษฎา เผยว่า ใน 2 จังหวัดนี้ เห็นสมควรยกย่องชมเชยให้เป็นตัวอย่าง พร้อมขอให้ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดเกษตรและสหกรณ์ และนายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ บันทึกไว้พิจารณาเป็นผลงานประกอบการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนและตำแหน่งด้วย และเพื่อให้การดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลดังกล่าวข้างต้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงขอให้ไปประสานงานกับท้องถิ่นจังหวัด เพื่อสอบถามผู้บริหาร อปท. หรือ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ว่า การจัดทำโครงการใช้ยางพาราของ อปท. ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการหรือดำเนินการไปแล้วนั้น มีปัญหาอุปสรรคเรื่องการอนุมัติการใช้งบประมาณตามระเบียบกฎหมายในประเด็นเรื่องใดหรือไม่




เช่น การใช้งบประมาณเหลือจ่าย / การใช้งบประมาณเงินสะสม หรือ งบประมาณอื่น ๆ หรือ เงื่อนไขตามประกาศกำหนดราคากลาง ฯลฯ พร้อมทั้งให้ลงไปตรวจสอบติดตามการทำถนน หรือ โครงการใช้ยางพาราในโครงการอื่น ๆ ในพื้นที่ ว่า มีปัญหาในการจัดซื้อน้ำยางจากเกษตรกรหรือไม่ รวมทั้งมีความก้าวหน้าอย่างไร พร้อมทั้งให้รายงานปัญหา อุปสรรค และความก้าวหน้าให้ส่วนกลางทราบทุกระยะด้วย เมื่อได้รับรายงานเรื่องปัญหาอุปสรรคแล้ว ให้ปลัดเกษตรและสหกรณ์และรักษาการผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้ประสานกับปลัดมหาดไทยและ/หรืออธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและอธิบดีกรมบัญชีกลาง เพื่อหารือในแนวทางการแก้ไขปัญหาให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่โดยเร็ว อย่าชักช้าอย่างเด็ดขาด รวมทั้งปลัดคมนาคม อธิบดีกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท หรือหน่วยรัฐอื่น ๆ เพื่อหารือให้พิจารณาสนับสนุนการใช้ยางพาราในถนนสายรองต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยใช้งบประมาณเหลือจ่ายปี 2561 หรือปี 2562 หรือหากมีงบประมาณกลางปีด้วย




ดังนั้น จึงขอให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดประสานงานกับหัวหน้าสำนักงานจังหวัด เพื่อขอให้พิจารณาเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการ กพจ. พิจารณาสนับสนุนให้ใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายจากงบประมาณพัฒนาจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด มาใช้ในโครงการการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐตามนโยบายของรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย

 

[caption id="attachment_352111" align="aligncenter" width="335"] [/caption]

"ขอให้ผู้ตรวจกระทรวงเกษตรทุกเขตได้ออกไปตรวจติดตามการดำเนินงานตามโครงการใช้ยางพาราในหน่วยงานรัฐในพื้นที่จังหวัดตามรายละเอียดในข้อ 1-4 โดยใกล้ชิด ทั้งนี้ ให้ถือว่าการตรวจราชการตามโครงการนี้เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญเป็นกรณีพิเศษด้วย จึงขอให้วางระบบการตรวจและติดตามผลการตรวจราชการครั้งนี้ให้เป็นระบบ เพื่อให้รัฐบาลและรัฐมนตรีได้ทราบความก้าวหน้าหรือปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ และสามารถสั่งการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป" นายกฤษฎา กล่าว