ชัยรัตน์ยกเครื่องสทท. ดึงมืออาชีพเสริมแกร่งแกนนำขับเคลื่อนท่องเที่ยว

24 พ.ย. 2561 | 07:50 น.
 

ประธานสทท.วางเป้าหมายเพิ่มบทบาทการทำงานของสภาฯให้เข้มแข็ง ดึงคนมีฝีมือเข้าร่วมบริหาร ขับเคลื่อนประโยชน์ท่องเที่ยวภาพรวม ทั้งเล็งปรับเปลี่ยนข้อบังคับองค์กรใหม่ ทาบ ทีเส็บ อพท. ร่วมนั่งบอร์ด พร้อมขยายผู้แทนพื้นที่ รวมถึงกลุ่มสาขาอาชีพ

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การขับเคลื่อนการทำงานของสภาฯจากนี้ ผมต้องการสร้างบทบาทการทำงานของสทท.ให้เข้มแข็ง  สร้างความเชื่อมั่นให้กับวงการท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริง  ไม่ใช่เป็นของคนใดคนหนึ่งหรือของคนกลุ่มเดียว  ทั้งต้องมีบทบาทในฐานะผู้นำ ในการผลักดันหรือนำเสนอการทำงานกับภาครัฐ เพื่อประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมและกระจายลงไปถึงผู้ประกอบการในภูมิภาคต่างๆ ไม่ใช่คอยตามภาครัฐทุกเรื่อง ทำให้เมื่อเกิดปัญหาก็จะเป็นไปในลักษณะวัวหายล้อมคอก

“ผมต้องการให้สภาฯเป็นที่รวมของคนเก่งๆมาร่วมกันทำงาน วางคนให้เหมาะกับงาน  เพื่อทำให้สภาฯกลับมายิ่งใหญ่  เพราะเรามีพ.ร.บ.รองรับการทำงานอยู่แล้ว มาระดมสมองร่วมกันทำงานเพื่อสร้างมาตรฐานให้วงการท่องเที่ยว เนื่องจากการท่องเที่ยวมีความสำคัญ และวันนี้สร้างรายได้กว่า 3 ล้านล้านบาท สภาฯต้องมีบทบาททั้งในการทำงาน การกำหนดนโยบายที่เป็น ประโยชน์ต่อภาพรวมของการท่อง เที่ยวจริงๆ ทำให้เกิดการท่องเที่ยว ยั่งยืน กระจายสู่รากหญ้า สภาฯต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้สมาคมท่องเที่ยวใดสมาคมหนึ่งใหญ่กว่าสภาฯเสียอีก”

[caption id="attachment_352393" align="aligncenter" width="503"] ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร[/caption]

ดังนั้นในขณะนี้ผมก็มอบหมายให้เขตพื้นที่ต่างๆ ทั้ง 13 เขตไปวางยุทธศาสตร์การทำงานของแต่ละเขต จากนั้นก็จะนำยุทธศาสตร์ทั้งหมดมารวมกัน และกำหนดเป็นนโยบายการทำงานของสทท.ชุดนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างถูกทาง ตรงกับความต้องการของพื้นที่ ซึ่งคนพื้นที่จะรู้ดีที่สุด

รวมถึงยังมองที่จะเปลี่ยนข้อบังคับของสภาฯในบางเรื่อง เพราะเป็นข้อบังคับที่ใช้มาหลายปีแล้ว แต่วันนี้การท่องเที่ยวขยายตัวไปมากแล้ว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 36 ล้านคน มีธุรกิจใหม่และหลายกิจกรรมในการประกอบการท่องเที่ยวก็มีสเกลที่เติบโตขึ้น

โดยผมมองที่จะปรับตั้ง แต่บอร์ดของสภาฯ ที่ในส่วนของภาครัฐไม่ควรจะมีแค่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เพียงหน่วยงานเดียว แต่ควรจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องด้วย อาทิ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (ทีเส็บ) รวมถึงมองที่จะปรับเรื่องของเขต พื้นที่และกลุ่มสาขาอาชีพใหม่ที่จะเพิ่มจาก 13 เขตพื้นที่ 13 กลุ่มสาขาอาชีพ เป็น 18 เขตพื้นที่ 18 กลุ่มสาขาอาชีพ และการเพิ่มจำนวนผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาร่วมทำงาน ให้ทุกภาคส่วนมีสิทธิ์มีเสียง

อย่างวันนี้จะเห็นว่ากลุ่มสาขาอาชีพ อย่าง สปา กิจกรรมของชำร่วย กิจกรรมด้านสันทนาการ และสวนสนุก เติบโตจากในอดีตมาก ก็ควรจะแยกออกมาเป็นสาขาอาชีพนั้นๆ ไม่ใช่ผูกหรือไปรวมกับกลุ่มสาขาอาชีพอื่นๆ เหมือนที่ข้อบังคับกำหนดไว้เดิม

เช่นเดียวกันกับเรื่องของการแบ่งเขตพื้นที่ ก็ควรจะแยกจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีศักยภาพด้านท่องเที่ยว อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ ออกมาเป็นเขตพื้นที่หนึ่งๆ ไปเลย  ไม่ใช่อย่างวันนี้ที่พื้นที่ภาคใต้ ก็จะรวมผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่พังงา สตูล ภูเก็ต กระบี่ รวมกันอยู่ เวลาเลือกตั้งตัวแทนจากเขตพื้นที่ ก็ต้องใช้วิธีเวียนกัน ถึงเวลาที่ต้องปรับใหม่ เพื่อให้เกิด การทำงานของสภาฯที่มีประสิทธิ ภาพเพิ่มขึ้น เพราะศักยภาพด้านการท่องเที่ยวต่างกันระหว่างจังหวัดเล็กและจังหวัดใหญ่

อีกทั้งวันนี้การท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจากเดิมมาก พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนมาเป็นการเดินทางเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น การเดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์น้อยลง การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวควรจะเป็นอย่างไร ไหนจะเรื่องของการเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านการปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และการ สร้างมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว ที่วันนี้แม้ประเทศจะมีมาตรฐานในด้านต่างๆ แต่ปัญหาคือไม่มีใครเข้าไปดูหรือตรวจสอบ ผมก็มองว่าสภาฯควรจะเข้ามาช่วยกลั่นกรองและดูแลในเรื่องเหล่านี้ นายชัยรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3421 วันที่ 25-28 พฤศจิกายน 2561
e-book-1-503x62-7-1-503x62