เบทาโกรผนึกชเว แมร์ กรุ๊ป ลุยเกษตร-อาหารครบวงจรในเมียนมา

24 พ.ย. 2561 | 04:20 น.
 

“เบทาโกร”รุกเมียนมา ผนึก “ชเว แมร์ กรุ๊ป” บิ๊กธุรกิจวัสดุก่อสร้างและโลจิสติกส์ ตั้งบริษัทร่วมทุนลุยเกษตรและอาหารครบวงจร นำร่องโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ไก่เนื้อและฟาร์มสุกรที่ย่างกุ้ง

 

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร เผยว่า เครือเบทาโกร โดย บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงในการจัดตั้งธุรกิจร่วมทุนกับ ชเว แมร์ กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจใหญ่ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ ทั้งการนำเข้า-ส่งออก และคลังสินค้าในในเมียนมา รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักของผลิตภัณฑ์ก่อสร้างของเอสซีจี เพื่อดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารคุณภาพครบวงจรในเมียนมา ภายใต้ชื่อบริษัท เบทาโกร (เมียนมา) จำกัด โดยมีตน และนายทุน ลวิน กรรมการผู้จัดการ ชเว แมร์ กรุ๊ป (Tun Lwin, Managing Director, Shwe Mè Group) เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลง ณ อาคารเบทาโกร ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

[caption id="attachment_352380" align="aligncenter" width="290"] วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์                       วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์[/caption]

การบรรลุข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 กลุ่มบริษัท ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาด้านการเกษตร-ปศุสัตว์ในเมียนมา ส่งต่ออาหารคุณภาพและปลอดภัยเข้าถึงผู้บริโภค และส่งเสริมให้ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี

สำหรับ บริษัท เบทาโกร (เมียนมา) จำกัด ดำเนินการจัดตั้งด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 600 ล้านบาท โดย บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 80% และ ชเว แมร์ กรุ๊ป ถือหุ้น 20%  มีแผนลงทุนเบื้องต้นในธุรกิจต้นน้ำ ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ กำลังการผลิต 12,000 ตัน/เดือน ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ไก่เนื้อ และฟาร์มสุกร ที่เมืองย่างกุ้ง เป็นต้น

“เบทาโกร มุ่งมั่นที่จะผลิตอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสมและยุติธรรม เรามองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจเกษตร-ปศุสัตว์และอาหาร   ในประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV ซึ่งเมียนมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและมีศักยภาพหลายด้าน มีปัจจัยพื้นฐานที่มีความพร้อม ให้สิทธิพิเศษประโยชน์ทางภาษี เอื้อต่อการลงทุนของต่างชาติ รวมถึงประชากรเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความตระหนักและเปิดรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและมีกำลังซื้อ”

เนชั่น

ด้านนายทุน ลวิน กรรมการผู้จัดการ ชเว แมร์ กรุ๊ป กล่าวว่า รัฐบาลเมียนมามีนโยบายที่จะพัฒนาด้านการเกษตร ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการส่งเสริมให้ประชากรส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นหลักประกันความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ และเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ ซึ่งเมียนมามีความพร้อมหลายด้าน ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและที่ดินทางการเกษตร แรงงานมีทักษะด้านการทำงาน อัตราค่าแรงที่ไม่สูง อย่างไรก็ตาม การผลิตทางภาคการเกษตรของเมียนมาในปัจจุบัน ยังขาดองค์ความรู้ ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งด้านการผลิต การบริหารจัดการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเครือเบทาโกรถือเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารคุณภาพของไทย ดำเนินธุรกิจครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่อาหารสัตว์ ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพสัตว์ และผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพเพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ มายาวนานมากกว่า  50 ปี ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพจากบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ ทำให้ทางกลุ่มมีความเชื่อมั่นในศักภาพของเครือเบทาโกร

 

ปัจจุบัน เครือเบทาโกร โดยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจการค้าและลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป. กัมพูชา และเมียนมา โดยในเมียนมาได้เข้าไปดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปีพ.ศ.2556             มีสำนักงานตัวแทน (Rep. Myanmar) ตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง ส่งออกอาหารสัตว์ แม่พันธุ์สุกร จากประเทศไทยเข้าไปจำหน่าย รับผลิตไส้กรอกภายใต้ตราสินค้าร่วม C&B รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับยาสัตว์และผลิตภัณฑ์สุขภาพสัตว์

595959859