“กลุ่มเจมาร์ท” ชูเจเอ็มที กลจักรผลักดันกำไรโตปี 62

22 พ.ย. 2561 | 13:11 น.
JMART  ย้ำทุกธุรกิจกลับมาเติบโตได้อย่ างแข็งแกร่ง ชู JMT  ดันกำไรให้เติบโตต่อเนื่อง  มั่นใจเจฟินเทคเตรียมกลับมาสร้ างกำไรในปี 62  ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายมือถือหลังเป็นพันธมิตรกับ AIS สร้างความต่อเนื่องดันยอดขายโตแกร่ง ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ  เจเอเอส แอสเซ็ท เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจเน้นธุรกิจหลักที่สร้างกำไร

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่าบริษัทฯ ยังมีมุมมองเชิงบวกสำหรับแนวโน้มของธุรกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 โดยธุรกิจการจัดจำหน่ายมือถือ ซึ่งเป็นธุรกิจของบริษัทแกน เชื่อว่าในไตรมาส 4 ปี 2561 จะเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดของปี โดยมีสินค้ามือถือรุ่นใหม่ออกมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง และโปรโมชั่นจำหน่ายมือถือในช่วงปลายปีจากแบรนด์ต่างๆ

นอกจากนี้ การที่บริษัทได้ทำ Exclusive Partnership กับ AIS ในการจำหน่ายซิมการ์ดและบริการอื่นๆ ของ AIS ในช่องทางการจัดจำหน่ายของเจมาร์ท จะทำให้บริษัทสามารถจัดจำหน่ายมือถือที่มีโปรโมชั่นส่วนลดค่าเครื่องที่แข่งขันได้ และมีรายได้เพิ่มจากส่วนแบ่งรายได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกับ AIS ในการผลักดันจำนวนลูกค้า SIM Card ให้ได้ตามเป้าหมาย

โดยในปี 2562 JMART จะยิ่งได้รับผลส่งกำไรจากบริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งทิศทางแนวโน้มของผลประกอบการจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์ของ JMART จะเร่งพลิกผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทย่อยอื่นๆ ให้เติบโตกลับมาได้ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้กับบริษัท JMART ได้ในปีหน้า

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยไตรมาส 3 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 2.6 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 98% เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายลดลง รายได้ส่งเสริมการขายลดลง รวมถึงรายได้ค่าเช่าและค่าบริ การลดลง สำหรับงวด 9 เดือนปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 140.1 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มี กำไรสุทธิ 394.1 ล้านบาท

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยถึง ผลประกอบการที่สร้างการเติ บโตได้อย่างโดดเด่น รายได้รวมประจำไตรมาส 3 ปี 2561 จำนวน 482.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 37.6% กำไรสุทธิ จำนวน 138.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน  40% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 28.7% โดยสาเหตุที่บริษัทมีกําไรสุทธิ เพิ่มขึ้นมาจากบริษัทมีรายได้ จากการเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ ที่รับซื้อ และรวมถึงรายได้จากการให้บริ การติดตามหนี้สินและบริการอื่ นมากขึ้น ส่วนผลการดําเนินการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งบการเงินรวมงวด 9 เดือน ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 1,331.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่ อน 32.9% กําไรสุทธิ จำนวน 374.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด 9 เดือน ปี 2560 ในอัตรา 26.1% คิดเป็นอัตรากําไรสุทธิเท่ากับ 28.1% ซึ่งกำไรรอบ 9 เดือนเกือบเท่ากับกำไรสุทธิทั้ งปีของปีที่ผ่านมา จึงมั่นใจว่าปีนี้น่าจะสร้ างผลกำไร New High อย่างต่อเนื่อง

บาร์ไลน์ฐาน นายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด (J FINTECH) บริษัทย่อยที่ดําเนินธุรกิ จทางด้านการปล่อยสินเชื่อ ภายใต้แบรนด์ “J MONEY” เปิดเผยถึง ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้ นในไตรมาส 3 ปี 2561 ที่ผ่านมา จากการปรับนโยบายการปล่อยสินเชื่ อเพื่อให้ได้ลูกค้าที่มีคุ ณภาพสูงขึ้น หรือลูกค้าที่มีรายได้สูงกว่า 3 หมื่นบาท และการจัดเก็บหนี้ได้ตามเป้ าหมาย นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายการทำธุรกิจไปยั งการปล่อยสินเชื่อแฟคตอริ่งเพิ่ มขึ้น ซึ่งมีผลตอบแทนจากการปล่อยสิ นเชื่อที่ดี ทำให้ยังมั่นใจได้ว่าปีหน้า 2562 จะพลิกกลับเป็นกำไรได้

นายสุพจน์ วรรณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (J) เปิดเผยว่า  ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 มีรายได้ค่าเช่าและบริการ 154.9 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 23.2 ล้านบาท โดยในส่วนธุรกิจให้เช่าและพั ฒนาอสังหาริมทรัพย์ อยู่ระหว่างการปรับปรุงทั้งในด้ านรายได้และต้นทุน โดยสินทรัพย์อะไรที่ยังไม่อยู่ ในธุรกิจหลักจะพิ จารณาในการขายออก และพิจารณาการหาผู้ร่วมทุ นในโครงการที่มีศักยภาพของบริษั ท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะได้เห็นผลตั้งแต่ ไตรมาส 4 ปี 2561 และไตรมาส 1 ปี 2562 เพื่อสร้างผลประกอบการของบริษั ทฯ ให้เติบโตขึ้น ในส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรั พย์คอนโดมิเนียม Newera อยู่ระหว่างการเปิด Grand Opening วันที่ 24 พฤศจิกายน 2561 นี้ โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะโอนคอนโดมิ เนียมให้กับลูกค้าภายในปี 2562

นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ เครื่องหมายการค้า “ซิงเกอร์” ผ่านทางตัวแทนจำหน่ายต่างๆ มากกว่า 80% ของยอดขายเป็นการขายแบบเช่าซื้อ มีผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่  3 ปี 2561 กำไรสุทธิเท่ากับ 43.40 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี ก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1.91 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 2,172.25% โดยไตรมาสที่ 3 นี้มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.16 บาท เทียบกับกำไรต่อหุ้นในไตรมาสเดี ยวกันปีก่อนที่เท่ากับ 0.01 บาท
รายได้รวมของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2561 เท่ากับ 835.7 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ทั้งหมด 585.4 ล้านบาท คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.8% สาเหตุหลักคือการเพิ่มขึ้ นของรายได้จากการขายสินค้าหลัก และรายได้จากค่านายหน้าจากการจั ดหาสินเชื่อส่วนบุคคล ค่าธรรมเนียมการทำสินเชื่อ ค่าโอนขายสิทธิ์เรียกร้องลูกหนี้ รวมทั้งการปรับปรุงรายการในอดีต

595959859