ข้าพระบาท ทาสประชาชน : พรรคการเมืองกับข้อหาครอบงำสื่อ

22 พ.ย. 2561 | 10:47 น.
ข้านพระบาท-สื่อ คุณเดียร์ ลง ปชร_๑๘๑๑๒๒_0036 พลันที่ปรากฏข่าวการตัดสินใจเข้าสู่เวทีการเมือง ด้วยการสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ของคุณวทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี โดยอีกฐานะหนึ่งเธอคือ ศรีภริยาของ คุณฉาย บุนนาค นักธุรกิจ นักลงทุน ชื่อดัง ก็ได้เกิดเสียงโจมตีวิพากษ์วิจารณ์ กระทั่งกล่าวหากันเองระหว่างพรรคการเมือง หรือจากสื่อบางสำนัก ไปในทางกล่าวหาว่า พรรคพลังประชารัฐครอบงำสื่อ ดูดกลุ่มทุนใหญ่ หวั่นเป็นการสร้าง “ระบอบประยุทธ์” ไปโน่นเลย โดยเฉพาะเสียงโจมตีที่มาจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ที่กำลังปรับลุคใหม่ของตนเอง ให้เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ แปลงโฉมปฏิรูปพรรคให้เป็นที่น่าเชื่อถือ

เสียงโจมตีและออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ เริ่มขึ้นที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และตามติดโดย นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ปชป. ซึ่งเป็น ส.ส.ที่ขยันทำงาน ได้ร่วมกันแสดงความวิตกว่าการมีสมาชิกพรรคอย่างมาดามเดียร์ รวมถึงกรณีที่ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจใหญ่ เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นการครอบงำใช้สื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือเอื้อประโยชน์ในทางคดีแก่บุคคลที่ใกล้ชิดกับบุคคลทั้ง 2 กรณีอย่างนี้ทางการเมืองเขาเรียกว่า “ตีปลาหน้าไซ” หรือร้องตะโกนแบบ “ขโมยร้องจับขโมย” ครับ
คุณเดียร์ ลง ปชร_๑๘๑๑๒๒_0044 นี่คือการเมืองไทย ที่เพียงแค่เริ่มต้นก็สาดโคลนเข้าใส่กันเสียแล้ว สาเหตุหนึ่งที่ประชาชนทั้งหลายเอือมระอา เบื่อหน่ายการเมือง ก็มาจากพฤติการณ์ทางการเมืองแบบนี้แหละ นักการเมืองมักถนัดการโจมตีดิสเครดิตคู่แข่งขัน ไม่สนใจพัฒนาปรับปรุงพรรคตนเอง หรือไม่สนใจคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างนโยบายดีๆ ใหม่ๆ ที่ก้าวหน้า สร้างคุณงามความดีของตนให้เป็นที่รักและศรัทธาของประชาชน เมื่อมีอำนาจบริหารก็ตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทุ่มเทเสียสละทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน พัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจ

[caption id="attachment_351385" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

พวกเขากลับสนใจแต่จะทำลายความน่าเชื่อถือของผู้อื่น พรรค การเมืองอื่น เพราะคิดไปว่าการทำเช่นนั้น จะทำให้ตนเองได้รับความนิยม ซึ่งล้วนแต่เป็นความเข้าใจที่ผิดๆ เพราะประชาชนยุคปัจจุบันแตกต่างจากอดีต โลกเปลี่ยนแปลงไปไกลมากแล้ว การติดต่อสื่อสารและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารรวดเร็ว กว้างไกลกว่าเดิม นักการเมืองที่ตามโลกไม่ทันการเปลี่ยนแปลง จึงยังเล่นการเมืองกันตามมุกเดิมๆ ผิดยุคสมัย

[caption id="attachment_351378" align="aligncenter" width="500"] สาธิต ปิตุเตชะ สาธิต ปิตุเตชะ[/caption]

กรณีการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของ คุณวทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ อดีตผู้บริหารสื่อ ซึ่งได้ลาออกจากตำแหน่งและได้พ้นจากการเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทแล้วนั้น ทำไมพรรคการเมืองอื่นจะต้องนำมาเป็นข้อโจมตีกล่าวหาทางการเมืองมิทราบ เพราะการเป็นแค่สมาชิกการเมือง ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ แม้เธอไม่ลาออก กฎหมายก็มิได้ห้าม กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 98 (3) ห้ามบุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เท่านั้น

ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้ง แม้ถึงเวลาเลือกตั้งหากเธอประสงค์จะลงเลือกตั้ง ก็ไม่มีกฎหมายห้ามและเธอก็มิได้ทำผิดกฎหมายหรือขาดคุณสมบัติแต่อย่างใด เพราะได้ลาออกจากความเกี่ยวข้องในธุรกิจนั้นแล้ว จึงไม่เข้าใจว่าทำไมระดับพรรคประชาธิปัตย์ จึงหยิบยกประเด็นนี้มาโจมตีค่อนแคะพรรคอื่น แบบตอดเล็กตอดน้อยให้เสียราคา

ความเป็นจริงของการเมืองไทย ทุกพรรคการเมืองล้วนมีความสัมพันธ์กับสื่อทั้งสิ้น หลายพรรคเป็นเจ้าของทีวี วิทยุ ช่องต่างๆ แบบที่ประชาชนทั่วไปรู้ๆ กัน ทีวีดาวเทียมช่องฟ้าวันใหม่ก็ดี หรือทีวีดิจิตอลช่องวอยซ์ทีวี ก็ดี ล้วนมีกลิ่นอายจากพรรคการเมือง เพียงแต่ไม่ผิดกฎหมายตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น เพราะเจ้าของแท้จริงมี “นอมินี” ออกหน้าแทน

[caption id="attachment_351379" align="aligncenter" width="503"] วัชระ เพชรทอง วัชระ เพชรทอง[/caption]

ประเด็นใช้สื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้นํ้าหนักในยุคนี้ ยิ่งพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีการสื่อสารยุคปัจจุบัน ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของสื่อด้วยตนเอง ไม่ว่าเฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม อินเตอร์เน็ต โลกสังคมโซเชียล ที่ประชาชนติดต่อสื่อสาร ถึงกัน และรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้ทั่วโลก กระทั่งไลฟ์สด ผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ ของตนได้ เรื่องที่นักการเมือง พรรคการเมือง จะมาครอบงำสื่อ ใช้สื่อ เป็นเครื่องมือโฆษณามอมเมาชวนเชื่อ เหมือนยุคก่อนๆ จึงเป็นเรื่องยาก “ข้อหาครอบงำสื่อ” จึงเป็นข้อกล่าวหาที่โบราณ ไร้นํ้าหนัก สำหรับยุคสมัยนี้

ส่วนข้อกล่าวเรื่องคดีอาญาที่บุคคลใดๆ ก็ตามที่เพียงตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเขาเป็นผู้ได้กระทำความผิดทางอาญา โดยศาลยังมิได้พิพากษาให้ลงโทษจำคุกแล้ว ก็ไม่มีกฎหมายห้ามสมัครเป็นสมาชิกพรรค หรือสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยิ่งเป็นบุคคลอื่นๆ ถูกกล่าวหาแม้เป็นพี่น้อง พ่อแม่ สามีหรือภริยา ยิ่งเป็นเรื่องที่กฎหมายมิได้ห้ามและไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ นักการเมือง และพรรคการเมืองทั้งหลาย จึงต้องควรพิจารณาให้ดี ก่อนจะกล่าวหาโจมตีเล่นงานคนอื่น ควรศึกษาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายให้ดี
คุณเดียร์ ลง ปชร_๑๘๑๑๒๒_0046 ที่สำคัญสำรวจตรวจสอบพรรคตนเองด้วย โดยเฉพาะเรื่องคนที่ต้องคดี ถูกกล่าวหา หรือแม้กระทั่งถูกฟ้องคดีต่อศาล มีอยู่ในแทบทุกพรรค ถ้าการอ้างว่าเขาเข้าพรรคนั้นพรรคนี้เพื่อหวังฟอกความผิดตนเอง หวังให้การเมืองเอื้อประโยชน์ตนในทางคดี ก็ต้องด่ากันทุกพรรค จึงไม่มีประโยชน์อันใดจะกล่าวหากันไปมาเช่นนี้

เมื่อจะเข้าโรดแมปการเมือง การเลือกตั้ง ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ที่ทุกพรรคยอมรับและยินดีกระโดดเข้าร่วมเล่นตามกฎกติกาที่มีแล้ว ย่อมถือว่าทุกพรรคยอมรับกฎเกณฑ์และกติกาที่มีอยู่ แต่ละพรรคการเมือง ควรมุ่งหน้าเสนอแนวคิดและนโยบายที่ดีต่อประชาชน แข่งขันกันทำความดี สร้างพรรคให้เป็นที่รักและศรัทธาแก่ประชาชน คือเป้าหมายและปลายทางที่ประชาชนอยากเห็น มากกว่าการที่พรรคการเมืองทั้งหลาย เล่นสงครามนํ้าลายสาดโคลนเข้าใส่กัน เลิกเถอะครับพฤติกรรมการพูดเอาดีใส่ตัว โยนความชั่วให้คนอื่น มันเก่าโบราณและนํ้าเน่า ที่ประชาชนเหม็นเบื่อ เอือมระอาสุดทน

พรรคการเมืองที่ประชาชนจะฝากความหวัง ยึดถือเป็นหลักให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ทุกวันนี้ก็หายากยิ่งกว่างมเข็มในทะเลอยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคหนึ่งที่ผู้คนยังหวังและอยากเห็นความเป็นเสาหลักของระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องเลิกเล่นการเมืองแบบเก่าๆ เสียที ปฏิรูปพรรคตนเองดีกว่าครับ

| คอลัมน์ : ข้าพระบาททาสประชาชน
| โดย : ประพันธุ์ คูณมี
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3420 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 22-24 พ.ย.2561
595959859