ทิสโก้ยัน ดัชนีหุ้นไทยปี 62 ไปไม่ถึง 2,000 จุด

บล.ทิสโก้คาดดัชนีหุ้นไทยปี 2562 แตะ 1,850 จุด ยันไม่ถึง 2,000 จุด หลังปัจจัยลบเพียบ มองปีหน้ายังไปต่อได้

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยในงาน TISCO Wealth Investment Forum ยกทัพกูรูวิเคราะห์เจาะกลยุทธ์การจัดพอร์ตส่งท้ายปี ว่า คาดดัชนีหุ้นไทยปี 2562 อยู่ที่ 1,850 จุด และไม่ถึง 2,000 จุด เพราะปัจจุบันยังมีปัจจัยลบคอยกดดัน และหากจะขึ้นไปถึงระดับ 2,000 จุดได้ ภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลกจะต้องดีมากและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังมีโอกาสเติบโต แต่ไม่ร้อนแรงเช่นเดียวกับ 10 ปีก่อนที่เติบโตถึงปีละ 30-40% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 5-10%

อย่างไรก็ตาม มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกในปีหน้ายังไปต่อได้ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่หากปีไหนตลาดหุ้นแย่ ปีต่อไปจะฟื้นตัวได้แรง ขณะที่ ทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากดอกเบี้ยแท้จริงของสหรัฐและไทยยังอยู่ระดับต่ำ ส่วนสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ยังเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถตกลงกันได้



นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ในปี 2562 ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลกค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะมีตัวฉุดเยอะ แต่ตัวช่วยน้อย โดยตัวฉุดหลักมาจาก สงครามการค้า หากสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกให้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจนและกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างเต็มที่ในปีหน้า จากปีนี้ที่ตัวเลขการส่งออกของทั่วโลกน่าจะเติบโตได้ในระดับที่ค่อนข้างดี เพราะผู้ประกอบการเร่งส่งออกสินค้าก่อนที่ผลของการประกาศขึ้นภาษีจะมีผลบังคับใช้



ขณะเดียวกัน แรงส่งจากการปรับลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐ คาดว่าจะแผ่วลงในช่วงปลายปีหน้า และจะเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจต่อเนื่องไปถึงปี 2563 นอกจากนี้ แรงกดดันจากการขึ้นภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นในเดือนต.ค. 2561 อาจทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกหดตัว นอกจากนี้ ตัวช่วยมีน้อยลง จากภาครัฐและธนาคารกลางมีเครื่องมือจำกัดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอลงแรง

สำหรับภาพเศรษฐกิจไทยในปี 2562 การท่องเที่ยวและการส่งออกที่เคยเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีแนวโน้มอ่อนกำลังลงในปีหน้า โดยกรณีที่จีนยกเลิกการห้ามขายแพ็คเกจทัวร์ไปเกาหลีเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ในไตรมาส 2 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเกาหลีเติบโตสูงถึง 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ดังนั้น เกาหลีจึงน่าจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญและทำให้การท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบพอสมควร

ขณะที่ การส่งออกในปี 2562 จะชะลอตัวลงจากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีประมาณ 8% โดย 3 % จาก 8% มาจากการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน ซึ่งถ้าราคาน้ำมัน (Brent) ยังทรงตัวอยู่ที่ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปีหน้าการส่งออกสินค้าเหล่านี้จะไม่เติบโต ส่วนอีก 2% มาจากการส่งออกรถยนต์ที่ในปีหน้าจะได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ในออสเตรเลียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทย ติดลบติดต่อกันต่อเนื่องมาหลายเดือน ทำให้การส่งออกรถยนต์ในปีหน้าไม่ค่อยสดใสนัก ส่วนที่เหลือจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าค่อนข้างชัดเจน

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยในไตรมาส 1 จะทำจุดสูงสุดของปี 2562 เพราะช่วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงที่นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อรับปันผล และในช่วงนี้หุ้นไทยซื้อขายในราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดยปัจจุบันมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ 14.5 เท่า จากค่าเฉลี่ยในอดีตที่อยู่ที่ 15.5 เท่า สำหรับแนวรับและแนวต้านในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าหุ้นไทยจะมีแนวต้านที่ 1,780 จุด และมีแนวรับที่ 1,600 จุด



นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ประเมินปี 2562 ภาวะการลงทุนของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นโลกจะผันผวนไม่ต่างจากปี 2561 เพราะมีปัจจัยต่างๆ เข้ามากระทบตลอดทั้งปี โดยตลาดหุ้นไทยต้องระวังแรงขายทำกำไรหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากนักลงทุนจะเริ่มกังวลถึงความไม่แน่นอนด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่คาดว่าอาจจะมาจากหลายพรรคการเมือง รวมไปถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยปรับขึ้นในปี 2562