หุ้น 3 พันธมิตร "เรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ" ร่วงกราวรูด รับข่าวฉาว "คาร์ลอส กอส์น"

20 พ.ย. 2561 | 10:08 น.
หลังจากร่วงระนาวในตลาดหลักทรัพย์ยุโรป ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 2561 ซึ่งเป็นเวลาที่ตลาดโซนยุโรปยังเปิดทำการ ขณะที่ ตลาดฝั่งเอเชียปิดการซื้อขายไปก่อนแล้ว แต่เมื่อเปิดทำการในเช้าวันอังคาร (20 พ.ย. 61) ก็เป็นไปตามคาดหมาย คือ หุ้นบริษัทนิสสันและมิตซูบิชิ มอเตอร์ ในตลาดเอเชีย พร้อมใจกันร่วง หลังข่าวการจับกุมตัว นายคาร์ลอส กอส์น ประธานบริษัท ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการยืนยัน โดยราคาหุ้นของบริษัทนิสสันปรับลดลง 5.45% และราคาหุ้นบริษัทมิตซูบิชิร่วงลง 6.85%

 

[caption id="attachment_350444" align="aligncenter" width="503"] กลุ่มพันธมิตร 3 ประสาน เรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ เป็นผลงานความสำเร็จที่ได้รับการผลักดันโดยคาร์ลอส กอส์น แต่ตอนนี้ ข่าวฉาวของเขาทำให้ราคาหุ้นทั้ง 3 บริษัทร่วงลงตามๆกัน กลุ่มพันธมิตร 3 ประสาน เรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ เป็นผลงานความสำเร็จที่ได้รับการผลักดันโดยคาร์ลอส กอส์น แต่ตอนนี้ ข่าวฉาวของเขาทำให้ราคาหุ้นทั้ง 3 บริษัทร่วงลงตามๆกัน[/caption]

นายคาร์ลอส กอส์น ประธานบริษัทนิสสันและเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2561 ในกรุงโตเกียว ด้วยข้อกล่าวหาประพฤติมิชอบทางการเงิน โดยแถลงการณ์ของนิสสันระบุว่า นายคาร์ลอสได้แจ้งตัวเลขรายได้ในรายงานที่ต้องยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์โตเกียวต่ำกว่าความเป็นจริงมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยมี นายเกร็ก เคลลี่ ผู้บริหารอีกคนหนึ่งของบริษัท เป็นผู้มีส่วนรู้เห็นและช่วยเหลือในการประพฤติผิดนี้ สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า นายคาร์ลอส ซึ่งได้รับผลตอบแทนรายปีจากบริษัทราว 10,000 ล้านเยน หรือกว่า 88.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แจ้งในรายงานว่า ผลตอบแทนรายปีที่เขาได้รับอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านเยนเท่านั้น และกระทำมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท ในวันที่ 22 พ.ย. นี้ นายฮิโรโตะ ไซคาวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ของบริษัทนิสสัน จะเสนอปลดทั้งคาร์ลอสและเกร็กออกจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่ ทางด้าน บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ ที่คาร์ลอสเป็น 1 ในคณะกรรมการบริหาร ก็แจ้งว่าจะดำเนินการเพื่อปลดเขาออกจากตำแหน่งเช่นกัน นอกจากนิสสันและมิตซูบิชิแล้ว คาร์ลอสยังเป็นประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรโนลต์ ที่เป็นพันธมิตรของนิสสันในฝรั่งเศส การถูกจับกุมตัวในครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า แล้วอนาคตของเรโนลต์จะเป็นอย่างไร จะยังคงเป็นพันธมิตรกันต่อไปหรือไม่

 

[caption id="attachment_350447" align="aligncenter" width="503"] คาร์ลอส กอส์น คาร์ลอส กอส์น[/caption]

ทั้งนี้ เรโนลต์ถือหุ้นอยู่ในนิสสัน 43.4% ขณะที่ นิสสันเองก็ถือหุ้นในเรโนลต์ 15% โดยเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในการประชุม ความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1999 (พ.ศ. 2542) และต่อมาในปี 2016 (พ.ศ. 2559) นิสสันก็เข้ามาถือหุ้นใหญ่ 34% ในบริษัทมิตซูบิชิ กลายเป็นความสัมพันธ์ 3 ประสาน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่า ความเป็นพันธมิตรระหว่างทั้ง 3 บริษัท มีแนวโน้มจะคงดำเนินต่อไป แม้ว่าคาร์ลอสจะถูกจับกุมและหลุดจากทุกตำแหน่งก็ตาม

แจเน็ต ลูวิส หัวหน้าฝ่ายวิจัยอุตสาหกรรมภูมิภาคเอเชีย บริษัทหลักทรัพย์ แมคไควรีย์ แคปปิตอล ซีเคียวริตี้ส์ ให้ความเห็นว่า กิจกรรมความร่วมมือและโครงการร่วมของ 3 พันธมิตร จะยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงคนเดียว โครงการของพันธมิตร 3 ประสานนั้น มีผู้คนที่เกี่ยวข้องหลายร้อยคน

ในส่วนของเรโนลต์นั้น หลังจากที่มีข่าวการจับกุมตัว "คาร์ลอส กอส์น" เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 พ.ย. 61) ราคาหุ้นของบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของยุโรปก็รูดลงมามากกว่า 8%

 

[caption id="attachment_350450" align="aligncenter" width="394"] แถลงการณ์จากนิสสันออกเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2561 แถลงการณ์จากนิสสันออกเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2561[/caption]

แถลงการณ์ฉบับแปลอย่างเป็นทางการของนิสสัน มอเตอร์

การประพฤติมิชอบต่อบริษัทของ ประธานและกรรมการบริษัท

โยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น (20 พ.ย. 2561) รายงานแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของ นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินการสืบสวนเป็นการภายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการประพฤติมิชอบต่อบริษัทของ นายคาร์ลอส กอส์น กรรมการและประธาน และนายเกร็ก เคลลี กรรมการบริษัท

จากการสืบสวนแสดงให้เห็นว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้ง นายคาร์ลอสและนายเกร็กแจ้งตัวเลขค่าตอบแทนในรายงานของตลาดหลักทรัพย์โตเกียวต่ำกว่าที่เป็นจริง โดยจงใจแจ้งตัวเลขรายได้ของ นายคาร์ลอส กอส์น ต่ำกว่าที่ได้รับ

นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมอันผิดวินัยอย่างมีนัยยะสำคัญของนายคาร์ลอสด้วยเช่นกัน อาทิ การนำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยที่นายเกร็กมีส่วนเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ นิสสันได้ให้ข้อมูลต่อสำนักงานอัยการญี่ปุ่นและพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสืบสวนสอบสวนกรณีนี้ ขณะเดียวกัน ทางบริษัทฯ เองจะยังคงเดินหน้าติดตามคดีต่อไป เนื่องจากการประพฤติมิชอบในครั้งนี้ ค้นพบจากการสืบสวนภายในทำให้พบหลักฐานยืนยันชัดเจนถึงการละเมิดข้อกำหนดในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารทั้ง 2 คน โดย นายฮิโรโตะ ไซคาวะ ในฐานะประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร นิสสัน จะดำเนินการเสนอต่อที่ประชุมคณะผู้บริหาร นิสสัน ให้ปลดนายคาร์ลอสออกจากตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และถอดนายเคลลีออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทด้วยเช่นกัน

นิสสันต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่สร้างความกังวลต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย ทางบริษัทฯ จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานด้านธรรมาภิบาลและการปฏิบัติตามข้อกำหนด รวมถึงจะมีการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมต่อเรื่องดังกล่าว

 

e-book-1-503x62-7

[caption id="attachment_350125" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]