'เมเจอร์' กางแผนปี 2562 ทุ่มทุนกว่า 800 ล้านบาท ขยายโรงภาพยนตร์ในไทยและเทศ มั่นใจทะลุกว่า 1,000 โรง ในปี 2563 ผนึกพันธมิตร "บิ๊กซี-โลตัส" ขยายสกรีน เจาะระดับอำเภอ หวังดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโต ขณะที่ สิ้นปีนี้กำรายได้กว่า 1 หมื่นล้าน
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทวางงบลงทุนขยายโรงภาพยนตร์อยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาท โดยงบที่ใช้ลงทุนปีหน้าส่วนใหญ่จะเน้นการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด ซึ่งเน้นไปกับบิ๊กซีและเทสโก้ โลตัส ตามจังหวัดและอำเภอต่าง ๆ โดยวางแผนขยายสาขาละ 1-2 โรง
พร้อมทั้งยังวางแผนขยายสาขาในต่างประเทศเพิ่ม 2 แห่ง คือ สปป.ลาว 1 แห่ง และกัมพูชา 1 แห่ง ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบงบการลงทุนการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ ทุกปีจะอยู่ที่เฉลี่ย 1,000-1,200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งงบที่ลงปีหน้าประมาณ 20-25% เนื่องจากพื้นที่ในต่างจังหวัดยังมีราคาไม่สูงมากและโรงที่จะขยายมีจำนวนเล็กน้อย
[caption id="attachment_350097" align="aligncenter" width="335"]
วิชา พูลวรลักษณ์[/caption]
ขณะเดียวกัน ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าขยายโรงภาพยนตร์กว่า 1,000 โรง หรือ มีโรงภาพยนตร์ทั้งหมดทุกเครือรวมกันในตลาดประมาณ 1,500 โรง เนื่องจากบริษัทมองว่า การขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้เติบโตตาม
"ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า โรงภาพยนตร์ทั่วโลกยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเอเชีย เช่น จีน มีกว่า 50,000 โรง เติบโต 20-30% ต่อปี ขณะที่ ฝั่งฮอลลีวูด เช่น สหรัฐอเมริกา โต 10% อีกทั้งในแง่การผลิตภาพยนตร์ก็มีเพิ่มขึ้น เช่น ค่ายดิสนีย์ จากปีละ 3 เรื่อง เพิ่มเป็น 10 เรื่อง ขณะที่ ในเอเชียการผลิตหนัง ประเทศจีนมีปีละ 600 เรื่อง อินเดีย 400 เรื่อง เกาหลี 200 เรื่อง และไทย 40 เรื่อง ทั้งนี้ บริษัทมองว่า โอกาสการเติบโตของภาพยนตร์ไทยยังมีอีกสูง"
นอกจากนี้ ในปี 2561 มีภาพยนตร์เข้าฉายรวม 312 เรื่อง แบ่งเป็น ภาพยนตร์ต่างประเทศ 270 เรื่อง และภาพยนตร์ไทย 43 เรื่อง สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มีภาพยนตร์ต่างประเทศที่คาดว่าจะทำเงิน อาทิ Venom, Fantastic Beast 2, Wreck-it Ralph 2, Aquaman, Bumblebee ส่วนภาพยนตร์ไทยที่คาดว่าจะทำเงิน อาทิ โฮมสเตย์, Gravity Of Love, หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ, ขุนบันลือ อื่น ๆ ขณะที่ ภาพยนตร์นาคี 2 ที่ผ่านมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย โดยเก็บรายได้รวมไปแล้ว 450 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปัจจุบันและอนาคตบริษัทยังคงส่งเสริมภาพยนตร์ไทยต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีความเชื่อว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ภาพยนตร์ไทยจะสามารถทำได้ทัดเทียมกับภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน ภาพรวมภาพยนตร์ในประเทศไทยมีมูลค่าราว 7,000-8,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากภาพยนตร์ต่างประเทศ 60-70% ขณะที่ ภาพยนตร์ไทยอยู่ที่ 25-30% ขณะที่ ปีหน้าบริษัทคาดการณ์ว่า สัดส่วนรายได้ภาพยนตร์ไทยจะขยับเพิ่มเป็น 35%
ขณะเดียวกัน ในปีหน้าบริษัทได้วางแผนผลิตภาพยนตร์ไทยที่เน้นเจาะกลุ่มคนต่างจังหวัดมากขึ้น พร้อมทั้งวางงบการผลิตและโปรโมตภาพยนตร์ไทยต่อเรื่องอยู่ที่ประมาณ 30-50 ล้านบาท รวมถึงคาดว่า ในปีหน้าจะมีภาพยนตร์ไทยสามารถทำเงินเข้าฉายไม่ตํ่ากว่า 55-60 เรื่อง
ด้านภาพรวมรายได้สิ้นปีนี้ บริษัทคาดการณ์อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เติบโต 5-10% โดยรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท มาจากการขายตั๋วหนัง และประมาณ 1,900 ล้านบาท มาจากรายได้การขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม มีเดีย 1,000 ล้านบาท และที่เหลืออื่น ๆ 2,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอยู่ที่ 10-15%
ปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้ขยายตลาดสร้างโรงภาพยนตร์เปิดสาขาเพิ่มทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV รวม 96 โรง เป็นสาขาในต่างประเทศ 2 สาขา คือ ที่ศูนย์การค้า อิออน มอลล์ 2 กัมพูชา และที่ ITEC Mall เวียงจันทน์ ลาว ทำให้สิ้นปี 2561 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีสาขารวมทั้งสิ้น 160 สาขา 771 โรง แบ่งเป็น สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 43 สาขา 349 โรง ต่างจังหวัด 110 สาขา 385 โรง และต่างประเทศ 7 สาขา 37 โรง
หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,420 ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2561