จีนเล็งลอยแพคนงาน1.8ล้านคน แก้ปัญหากำลังผลิตล้นตลาดในอุตสาหกรรมเหล็กและถ่านหิน

04 มี.ค. 2559 | 06:30 น.
จีนเล็งปลดคนงานในอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็กกล้า 1.8 ล้านคนหรือคิดเป็นสัดส่วน 15% ของคนงานทั้งหมดในอุตสาหกรรมดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตล้นเกิน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการปลดคนงานครั้งมโหฬารนี้ นับเป็นครั้งแรกที่จีนยอมเปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าสะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลจีนในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและรัฐวิสาหกิจที่กำลังมีปัญหา

นายหยิน เหว่ยหมิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงทางสังคมของจีน แถลงข่าวเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า คนงาน 1.3ล้านคนในอุตสาหกรรมถ่านหิน และ 5แสนคนในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าอาจจะต้องตกงาน ซึ่งหมายถึงการปลดคนงานรวม 1.8 ล้านคน นายหยินระบุว่า นี่คือภารกิจที่ยากยิ่ง แต่ก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี ทั้งนี้ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนชี้ว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็กกล้ามีการจ้างงานคนงานคิดเป็นจำนวนรวมๆ กันราว 12 ล้านคน

นักวิเคราะห์กล่าวว่า รัฐบาลจีนให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 ในการควบคุมปัญหาคนว่างงานและพยายามสกัดทุกๆ ความเป็นไปได้ที่อาจก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือจลาจล ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาเสถียรภาพและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เจ้าหน้าที่ของจีนระบุว่า รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณ 1 แสนล้านหยวน หรือกว่า 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาช่วยเหลือคนงานที่ถูกปลดออกจากงานภายในระยะ 2 ปีนับจากนี้

ด้านนายโจว กว่างเย่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีน ระบุว่าเมื่อต้นสัปดาห์นี้ (29 ก.พ.) นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้กล่าวกับนายแจ๊ค ลิว รัฐมนตรีคลังสหรัฐอเมริกาว่า งบช่วยเหลือ 1 แสนล้านหยวนดังกล่าวจะมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือแก่คนงานในอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็กกล้าเป็นหลัก

นายเจียง เฟยเถา นักวิจัยอุตสาหกรรมจากสถาบันสังคมศาสตร์แห่งประเทศจีนซึ่งเป็นสถาบันที่ปรึกษาให้กับรัฐบาล ระบุว่า ตัวเลขคนงานที่จะถูกปลดออก 1.8 ล้านคนนั้น เป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลและกองทุนช่วยเหลือที่จัดตั้งขึ้นมาจะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อบริษัทหรือโรงงานที่ปลดคนงานออกประสบภาวะล้มละลายหรือมีปัญหาในการชำระหนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นก็จะต้องมีส่วนเข้ามารับผิดชอบเกี่ยวกับการชำระหนี้ของบรรดารัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาเหล่านี้ด้วย "เป็นเรื่องยากที่จะกำหนดกรอบของเวลาว่าจะปลดมากน้อยแค่ไหน ในเวลาเมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าขั้นตอนต่างๆ จะรวดเร็ว แม้จะมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องของการชำระหนี้และการปลดคนงาน"

จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตรา 6.9% ในปีที่ผ่านมา (2558) ซึ่งเป็นอัตราเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 25 ปี และปี 2559 นี้ รัฐบาลจีนก็มีเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวให้ได้ที่อัตราระหว่าง 6.5-6.7% "เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญแรงกดดันสู่ทิศทางลบและบางวิสาหกิจก็กำลังมีปัญหาทั้งด้านการผลิตและการดำเนินงาน ซึ่งจะนำไปสู่ความต้องการจ้างงานที่ลดน้อยลง ปัญหาจะยิ่งถูกซ้ำเติมเมื่อมีนักศึกษาจบใหม่ของปีนี้หลั่งไหลเพิ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน

ถึงแม้จีนจะประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็ยังไม่เคยมีข่าวการปลดคนงานจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน เหตุการณ์ครั้งหลังสุดเกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการเงินเอเชียระหว่างปี 2541-2546 ซึ่งมีผู้ถูกปลดออกจากงานกว่า 28 ล้านคน ส่วนอัตราการตกงานของจีนนั้น ตัวเลขจากการสำรวจที่เผยแพร่ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ว่า มีอัตราราว 5.01% ในช่วงสิ้นปี 2558

เจ้าหน้าที่ของจีนเผยว่า อุตสาหกรรมภาคบริการมีการเติบโตที่ดีจึงสามารถสร้างงานรองรับผู้ที่ถูกให้ออกจากอุตสาหกรรมการผลิตได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ในปี 2558 อุตสาหกรรมภาคบริการทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 50.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน นับเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขดังกล่าวสูงเกิน 50%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,136 วันที่ 3 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2559