จีนขยายตลาดนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ

06 มี.ค. 2559 | 13:00 น.
จีน ประเทศผู้ผลิตและนำเข้าข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก วางแผนขยายนำเข้าข้าวสารจากเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาในต้นปี 2559 นับเป็นโอกาสสำคัญของผู้ส่งออกข้าวสารต่างประเทศ

จีน คือ ประเทศผู้ผลิตข้าวสารที่ใหญ่ที่สุด และยังเคยเป็นผู้ส่งออกธัญพืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่จากความต้องการในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ผนวกกับการเปลี่ยนประเทศจากเกษตรกรรมเป็นการเน้นภาคอุตสาหกรรม ภาคการบริการและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ส่งผลให้จีนมีความต้องการนำเข้าข้าวสารเพิ่มสูงขึ้น โดยหลังจากปี 2554 ที่จีนเริ่มเปิดประเทศและอนุมัติการนำเข้าข้าวสารจากประเทศอาเซียน อาทิ เวียดนาม ไทย เมียนมา และกัมพูชา รวมทั้งจากประเทศอื่นๆ เช่น ปากีสถาน ส่งผลให้ตัวเลขการนำเข้าข้าวสารสูงเกินตัวเลขการส่งออกเป็นครั้งแรก โดยในปี 2554 จีนนำเข้าข้าวสาร 5.69 แสนตัน และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 3.35 ล้านตันในปี 2558 (สถิติจากhttp://www.chinagrain.cn/)

พนักงานขายในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า ข้าวสารนำเข้าได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะข้าวสารนำเข้าจากประเทศสมาชิกอาเซียน

  ตลาดขนาดใหญ่

จากการรายงานของ http://www.chinagrain.cn/ พบว่า ข้าวสาร ข้าวสาลี และข้าวโพด คือ 3 ธัญพืชหลักสำหรับการบริโภคของชาวจีน โดยในอดีตผลผลิตข้าวสารมีปริมาณมากกว่าข้าวสาลีและข้าวโพดอยู่มาก แต่หลังจากปี 2558 ปริมาณผลผลิตข้าวสารลดน้อยลง โดยมีปริมาณการผลิตมันฝรั่งแซงหน้าเป็นอันดับ 1

สำนักงานเกษตรสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่า ปี 2558 -2559 การบริโภคข้าวสารของโลกจะสูงขึ้นเป็น 483.7 ล้านตัน โดยเป็นการบริโภคในประเทศจีนราว 100 ล้านตันต่อปีนายหลี่ กัวซิง นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมแห่งชาติจีน (Chinese Academy of Social Sciences หรือ CASS) กล่าวว่า เหตุผลหลักที่จีนต้องการนำเข้าข้าวสารจากต่างประเทศเป็นเพราะต้นทุนการนำเข้าที่ต่ำกว่าข้าวสารในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความต้องการข้าวสารสายพันธุ์อื่นที่แตกต่างจากสายพันธุ์ที่ผลิตได้ในประเทศ อย่างไรก็ตาม นายหลี่ กัวซิง คาดว่าการนำเข้าข้าวสารจากเกาหลีใต้จะอยู่ในปริมาณน้อย เพราะราคาของข้าวสารเกาหลีใต้ยังไม่สามารถแข่งขันกับข้าวสารอื่นๆ ในตลาดได้ ส่วนการนำเข้าข้าวสารจากสหรัฐอเมริกานั้น อาจต้องเผชิญความท้าทายในเรื่องของรสชาติว่าจะถูกปากชาวจีนหรือไม่

ความต่างของราคา

ความแตกต่างของราคาข้าวสารในประเทศกับข้าวสารนำเข้าอยู่ที่ประมาณ 745 หยวน (หรือ 114.48 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อตัน โดยในปี 2558 จีนนำเข้าข้าวสาร 3.35 ล้านตัน คิดเป็นราคาต่างที่ 2.53 พันล้านหยวน

นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมแห่งชาติจีนเห็นว่า ภาครัฐควรให้ความสนใจกับราคาตลาดข้าวสารในประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากข้าวสารนำเข้าซึ่งมีราคาถูกกว่ามาก

แม้ว่าจีนจะเป็นผู้ผลิตข้าวสารรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ข้าวสารจีนไม่ได้จัดเป็นข้าวสารที่มีคุณภาพสูงสุด ผู้บริโภคชาวจีนหลายรายกลับเลือกบริโภคข้าวสารจากไทยและกัมพูชา เพราะความหอมนุ่มของข้าวหอมมะลิที่ไม่สามารถหาได้ในข้าวสารจีน แต่หากมองในภาพรวมแล้ว ข้าวสารไทยส่วนใหญ่ที่มีราคานำเข้าต่ำ ก็ไม่ได้มีคุณภาพเทียบเท่ากับข้าวสารจีนส่วนมาก

รายงานของเว็บไซต์ข่าว finance.qq.com พบว่า ข้าวสารจากเวียดนามมีต้นทุนที่ต่ำกว่าข้าวสารในประเทศจีนถึง 50%

นายหลี่ กัวซิง ระบุว่า อุตสาหกรรมข้าวสารในประเทศจีนยังคงเผชิญปัญหาการผลิตล้นตลาด รวมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตและการเพาะปลูกไม่ทันสมัย นับเป็นจุดอ่อนที่ต้องได้รับการปรับปรุงต่อไป

สนใจข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการค้า-การลงทุนและข้อมูลเศรษฐกิจประเทศจีนเพิ่มเติม สามารถเข้าไปติดตามชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.thaibizchina.com

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,136 วันที่ 3 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2559