"5 คีย์ซัคเซส" มัลติแบรนด์สโตร์
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดความงามและแฟชั่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นธุรกิจดาวรุ่ง ที่เศรษฐกิจจะไม่ดี GDP จะไม่โต แต่ตลาดความงามก็ยังเดินหน้า โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา มีมูลค่า 2 แสนล้านบาท เติบโต 6-7% ขณะที่ ประเทศไทยมีรายได้จากอุตสาหกรรมแฟชั่นมูลค่า 525 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1 หมื่น 8 พันล้านบาท ในปี 2560 และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจที่มีตลาดใหญ่มากที่สุด คือ เสื้อผ้า ซึ่งมีมูลค่าถึง 1 หมื่น 2 พันล้านบาท
โดยเทรนด์ที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดความงามและแฟชั่นขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว คือ "มัลติแบรนด์สโตร์" (Multi-Brand Stores ร้านที่รวมแบรนด์เครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม และอื่น ๆ เกี่ยวกับความงามทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน โดยมีงานวิจัยปี 2560 จากนักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าที่มัลติแบรนด์สโตร์มีการใช้จ่ายมากกว่าซื้อออนไลน์ถึง 30%
แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและสร้างชื่อให้กับเทรนด์ "มัลติแบรนด์สโตร์" สำหรับตลาดความงามในบ้านเรา ก็คือ แบรนด์ไทย ที่ชื่อ Eveandboy (อีฟแอนด์บอย) ด้วยจุดเด่นที่สินค้าหลากหลาย ราคาไม่แพง และการขยายสาขาไปยังทำเลดี ๆ ของเหล่านักช็อป
จากความสำเร็จของอีฟแอนด์บอย ทำให้เกิดแบรนด์ใหม่ ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น Beautrium, Stardust จากค่าย MPG (แมงป่อง), HEJ Street Beauty และยังรวมไปถึงวัตสัน (Watsons) และบู๊ทส์ (Boots) ที่พลอยได้อานิสงส์จากกระแส ตามมาด้วยซูรูฮะ (Tsuruha) และมัทสึโมโตะ คิโยชิ (Matsumoto Kiyoshi) จากญี่ปุ่น ล่าสุด มีแบรนด์ Good Vibes Only มัลติแบรนด์สโตร์เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าแฟชั่น 38 แบรนด์จากร้านดัง ในออนไลน์และ La Doctress ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากธรรมชาติ
ส่วนมัลติแบรนด์สโตร์แฟชั่นเสื้อผ้าก็ไม่น้อยหน้า เกิดขึ้นเวลาไล่เลี่ยกับแบรนด์ความงามเช่นกัน แม้จะบูมไม่เท่าอีฟแอนด์บอย แต่มัลติแบรนด์สโตร์แฟชั่นก็เกิดขึ้นมากมายและได้รับความนิยม เริ่มตั้งแต่ Wonder room, HOF, FAB LAB, CAMP, Matchbox, A.SAP, TRY IT ON, Sense by SOS, Toppage และ Good Vibes Only ปัจจุบัน มีร้าน Multi-Brand Stores กว่า 10 แบรนด์ในตลาด โดยความโดดเด่น นอกจากจะมีแบรนด์หลากหลายและยังดึงบรรดาแบรนด์สินค้าชื่อดังบนโลกออนไลน์มารวมไว้ในร้านเดียวกัน รวมถึงทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง หรือ แหล่งช็อปปิ้ง ก็เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เทรนด์มัลติแบรนด์สโตร์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จึงพอสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้เทรนด์ "มัลติแบรนด์สโตร์" ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น "แฟชั่น" หรือ "ความงาม" ได้ 5 แนวทาง คือ 1.สินค้าเยอะ หลากหลาย 2.ราคาถูก คนทั่วไปเข้าถึงสินค้าได้ 3.ทำเลที่ตั้งร้าน 4.สร้าง Omni Channel และ 5.สินค้า Exclusive ที่ยังไม่มีที่ไหนนำเข้ามา
โดยเทรนด์ที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดความงามและแฟชั่นขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว คือ "มัลติแบรนด์สโตร์" (Multi-Brand Stores ร้านที่รวมแบรนด์เครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม และอื่น ๆ เกี่ยวกับความงามทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน โดยมีงานวิจัยปี 2560 จากนักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าที่มัลติแบรนด์สโตร์มีการใช้จ่ายมากกว่าซื้อออนไลน์ถึง 30%
แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและสร้างชื่อให้กับเทรนด์ "มัลติแบรนด์สโตร์" สำหรับตลาดความงามในบ้านเรา ก็คือ แบรนด์ไทย ที่ชื่อ Eveandboy (อีฟแอนด์บอย) ด้วยจุดเด่นที่สินค้าหลากหลาย ราคาไม่แพง และการขยายสาขาไปยังทำเลดี ๆ ของเหล่านักช็อป
จากความสำเร็จของอีฟแอนด์บอย ทำให้เกิดแบรนด์ใหม่ ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น Beautrium, Stardust จากค่าย MPG (แมงป่อง), HEJ Street Beauty และยังรวมไปถึงวัตสัน (Watsons) และบู๊ทส์ (Boots) ที่พลอยได้อานิสงส์จากกระแส ตามมาด้วยซูรูฮะ (Tsuruha) และมัทสึโมโตะ คิโยชิ (Matsumoto Kiyoshi) จากญี่ปุ่น ล่าสุด มีแบรนด์ Good Vibes Only มัลติแบรนด์สโตร์เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าแฟชั่น 38 แบรนด์จากร้านดัง ในออนไลน์และ La Doctress ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากธรรมชาติ
ส่วนมัลติแบรนด์สโตร์แฟชั่นเสื้อผ้าก็ไม่น้อยหน้า เกิดขึ้นเวลาไล่เลี่ยกับแบรนด์ความงามเช่นกัน แม้จะบูมไม่เท่าอีฟแอนด์บอย แต่มัลติแบรนด์สโตร์แฟชั่นก็เกิดขึ้นมากมายและได้รับความนิยม เริ่มตั้งแต่ Wonder room, HOF, FAB LAB, CAMP, Matchbox, A.SAP, TRY IT ON, Sense by SOS, Toppage และ Good Vibes Only ปัจจุบัน มีร้าน Multi-Brand Stores กว่า 10 แบรนด์ในตลาด โดยความโดดเด่น นอกจากจะมีแบรนด์หลากหลายและยังดึงบรรดาแบรนด์สินค้าชื่อดังบนโลกออนไลน์มารวมไว้ในร้านเดียวกัน รวมถึงทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง หรือ แหล่งช็อปปิ้ง ก็เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เทรนด์มัลติแบรนด์สโตร์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จึงพอสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้เทรนด์ "มัลติแบรนด์สโตร์" ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น "แฟชั่น" หรือ "ความงาม" ได้ 5 แนวทาง คือ 1.สินค้าเยอะ หลากหลาย 2.ราคาถูก คนทั่วไปเข้าถึงสินค้าได้ 3.ทำเลที่ตั้งร้าน 4.สร้าง Omni Channel และ 5.สินค้า Exclusive ที่ยังไม่มีที่ไหนนำเข้ามา
