โตโยต้า“คัมรี่ โฉมใหม่”ได้ภาษีต่ำ-สมรรถนะยกระดับ

17 พ.ย. 2561 | 08:30 น.
ช่วง 1-2 ปีหลัง เราเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวโปรดักต์ของโตโยต้า ภายใต้ประธานใหญ่ “อากิโอะ โตโยดะ” ได้อย่างชัดเจน

ในยุค“โตโยดะ” กลุ่มรถยนต์นั่งของโตโยต้าดูกระปรี้กระเปร่า ทั้งมิติของการออกแบบและความสนุกสนานในการขับขี่ ปรับสมรรถนะให้สปอร์ตกับรถแบบบ้านๆใช้งานทั่วไปนี่ละครับ ไม่นับรวมพวกสปอร์ตคาร์ หรือ “ซูปร้า” ที่กำลังจะกลับมาใหม่

DSC04296-2

DSC04355

เรียกว่าโตโยต้า กำลังเดินทางเพื่อละทิ้งความจืดชืดเดิมๆ ลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิก ปลดปล่อยความน่าเบื่อลงสู่ก้นอ่าวไทย (ส่วนโจทย์ใหญ่เรื่องระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า หรือการมุ่งเน้นไฮบริดตามนโยบายของโตโยต้า ก็ต้องว่ากันไป)

ถ้านับเฉพาะรุ่นหลักที่เป็นโกลบัลโมเดล เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้จาก ครอสโอเวอร์ “ซี-เอชอาร์” และขยับมาเป็น ส่วนปีหน้ายังมี “โคโรลล่า อัลติส โมเดลเชนจ์” ออกมาอีก ซึ่งทั้งหมดพัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ TNGA -Toyota New Global Architecture

สำหรับ “คัมรี่ โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่ 8 เพิ่งจัดงานเปิดตัวในเมืองไทยช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3 ทางเลือกเครื่องยนต์คือไฮบริด HV Premium ราคา 1,799,000 บาท รุ่น HV 1,639,000 บาท ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ราคา 1,589,000 บาท และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 1,445,000 บาท

ด้านขุมพลังไฮบริดที่พัฒนาใหม่เป็นเจเนอเรชันที่4 ให้กำลังรวมจากเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจาก 205 แรงม้าเป็น 211 แรงม้า แต่การปล่อยไอเสียกลับลดลง จาก 133 กรัม/กม. เป็น 92 กรัม/กม.

ตรงนี้มีผลถึง 2 เด้งกับการคิดภาษีสรรพสามิตนะครับ เพราะเดิมปล่อยไอเสียเกิน 100 กรัม/กม.รถ
ไฮบริดต้องเสียอัตรา 16% พอรุ่นใหม่พัฒนาให้ตํ่าลงกว่า 100 กรัม/กม.จะเสียภาษีในพิกัด 8%

ทว่าตัวเลขและสิทธิประโยชน์ยังไม่จบเท่านี้ เมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า
(อีวี,ปลั๊ก-อินไฮบริด และไฮบริด) หากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำคัญของรถกลุ่มนี้ในประเทศไทยเพิ่มเติม(เพิ่มจากการประกอบรถ) จะลดภาษีสรรพสามิตลงมาให้อีกครึ่งหนึ่ง (โตโยต้าประกาศลงทุนโปรเจ็กต์ ไฮบริดในไทยมูลค่า 2 หมื่นล้านบาทและโรงงานประกอบแบตเตอรี่ในไทย)

MST02514

นั่นเท่ากับว่า “คัมรี่ ไฮบริด โฉมใหม่” จะเสียภาษีสรรพสามิตตํ่าเพียง 4% (ซี-เอชอาร์ ไฮบริด ก็เสียในพิกัดนี้) หรือลดลงจากรุ่นก่อนหน้าที่โดนในอัตรา16%

สัดส่วนภาษีสรรพสามิตที่ลดกระหนํ่าขนาดนี้ โตโยต้ายืดหยุ่นเรื่องส่วนต่างของราคาขายได้สบายครับ อย่างรุ่นท็อปของคัมรี่ ไฮบริด โฉมใหม่ HV Premium 1,799,000 เมื่อเทียบกับตัวเก่าราคาปรับลดลงมา 64,000 บาท

ส่วนการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง หลังพัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ TNGA พร้อมช่วงล่างหน้าอิสระแบบแมกเฟอร์สันสตรัต หลังเปลี่ยนเป็นอิสระแบบปีกนก 2 ชั้น

ขณะที่มิติตัวรถมีความยาว กว้าง ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น แต่ความสูงลดลง เช่นเดียวกับระยะตํ่าสุดจากพื้นเตี้ยลงจาก 150 มม.เหลือ 140 มม.

DSC04441 DSC04462 DSC04405

นอกจากนี้ ในรุ่นไฮบริดยังเปลี่ยนตำแหน่งของแบตเตอรี่แบบนิเกิลเมทัล ไฮดราย จากเดิมที่วางตั้งอยู่ท้ายรถ (กั้นระหว่างเบาะหลังกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง) ให้ย้ายมาอยู่ใต้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งได้ประโยชน์แน่ๆ 2 อย่างคือ ไม่กินพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังและได้เรื่องการกระจาย นํ้าหนักที่สมดุลของตัวรถ

การลองขับ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ยกทีมงานไปถึงบุรีรัมย์ เตรียมคัมรี่ โฉมใหม่ ไว้ 2 รุ่นคือ เบนซิน 2.5 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่แบบอัตโนมัติ 8 สปีด และรุ่นไฮบริดตัวท็อป

เมื่อพิจารณาในเชิงโครงสร้าง ทั้งตัวรถที่เตี้ยลงแต่กว้างขึ้น แพลตฟอร์มใหม่ที่ยืดหยุ่นช่วงล่างใหม่ พร้อมปรับการตอบสนองของพวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พีเรียนผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

ภาพรวมของช่วงล่างและการควบคุมเนียนกว่า “คัมรี่ตัวเก่า” ชัดเจน และเหมือนจะนุ่มนวลกว่า “ฮอนด้า
แอคคอร์ด” เล็กน้อย

หากเทียบด้วยกันเองระหว่างคัมรี่ไฮบริด กับคัมรี่ 2.5 เรื่องช่วงล่างและการควบคุม ผมรู้สึกว่าไฮบริดจะนุ่มละเมียดกว่า พร้อมสมรรถนะที่ได้การช่วยเหลือจากมอเตอร์ไฟฟ้า ยังให้จังหวะเคลื่อนตัวที่ตอบสนองต่อการกดคันเร่งได้รวดเร็ว

DSC04547 DSC04532 DSC04400

ในรุ่น 2.5 จริงๆแล้วสมรรถนะการขับขี่ถือว่าทำได้ดีมากๆ นะครับ กับเครื่องยนต์ 4 สูบใหม่แบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน พร้อมระบบวาล์วแปรผันแบบ VVTi-E ระบบที่จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปควบคุมเพลาลูกเบี้ยวด้านไอดี หวังให้การอัดอากาศทำได้รวดเร็ว (กว่าระบบไฮดรอลิก) พร้อมกำลังอัดระดับ 13:1 ซึ่งถือว่าบางกว่าคัมรี่รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดและรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร

ส่วนพลัง 209 แรงม้า ที่ได้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มาช่วยส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้า อัตราเร่งต่อเนื่อง ออกตัวดี ปลายก็ไหลสบายๆ

ผมลองสอบถามวิศวกรโตโยต้าถึงอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระหว่างคัมรี่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร กับไฮบริด พบว่าต่างกันไม่มาก โดยเบนซิน 2.5 ลิตร ทำได้ 9.4 วินาที ส่วนไฮบริด 9 วินาที ความเร็วปลาย 90-110 กม./ชม. ทำได้ 3.9 วินาที และ 3.3 วินาที ตามลำดับ ซึ่งจะเห็นว่าตัวไฮบริดทำเวลาดีกว่าเล็กน้อยแบบเสี้ยววินาที

ดังนั้นเมื่อรถลงบนถนน ความคล่องแคล่วว่องไวไม่ต่างกัน แต่ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเครื่องยนต์ ตรงนี้เมื่อขับจริงๆอาจสัมผัสได้ถึงบุคลิกของการตอบสนองที่ต่างกันบ้าง และแน่นอนว่ารุ่นไฮบริด ยังได้เปรียบเรื่องอัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตรกว่า

MST02500

จากข้อมูลอ้างอิงตามอีโคสติกเกอร์ของกระทรวงอุตสาหกรรม การขับในโหมดเฉลี่ยรุ่นไฮบริดจะกินนํ้ามัน 25 กม./ลิตร ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรได้ตัวเลข 15.6 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...คัมรี่ โฉมใหม่ ขยับบุคลิกมาในแนวสปอร์ตมากขึ้น จับกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลง ส่วนจุดเด่นของความสะดวกสบายในการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ผมว่าโตโยต้ายังรักษาไว้ได้ดี และในภาวะตลาด “ดี-เซ็กเมนต์” หดตัว โดนตีกระหนาบจากกลุ่มเอสยูวี รวมถึงแบรนด์ยุโรปที่โน้มลงมาหาลูกค้าใหม่ๆขายรถราคาประมาณ 2 ล้านบาท แต่ผมเชื่อว่าชื่อชั้นของโตโยต้าและสมรรถนะการขับขี่ที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นของคัมรี่ ยังลุยเซ็กเมนต์นี้ต่อไปได้สบาย แม้จะเหนื่อยกว่าเดิม แต่อย่าลืมว่าโตโยต้าเขามีทีเด็ดในการขายรถยนต์ล็อตใหญ่ เข้าหาลูกค้าฟลีต เก่งมากนะครับ

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,419 วันที่ 18 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62