ห้างลุ้นแรงซื้อท้ายปี! หวังทัวริสต์จีนฟื้น - คลอดแคมเปญลดหย่อนภาษี
ลุ้นกำลังซื้อโค้งท้ายปี 61 ยักษ์ค้าปลีกฉีดยาแรง อัดแคมเปญ-โปรโมชัน ปลุกเม็ดเงินสะพัดสวนกระแสไฮซีซัน ชี้! อานิสงส์นักท่องเที่ยวจีนกลับมา-แคมเปญลดหย่อนภาษี กลไกสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจคึกคัก
แม้จะก้าวเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ซึ่งเป็นไพรม์ไทม์ในการจับจ่ายสินค้าของผู้บริโภค ผู้ประกอบการ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ แต่ดูเหมือนผู้ประกอบการค้าปลีกจะยังระมัดระวังถึงกำลังซื้อที่มีอยู่ ว่า จะมีความเชื่อมั่นและมีมูดในการจับจ่ายหรือไม่ จึงเร่งผลักดันแคมเปญการตลาด เพื่อกระตุ้นและสร้างบรรยากาศการช็อปปิ้งให้คึกคัก ขณะที่ ภาครัฐเองก็ส่งสัญญาณที่จะช่วยปลุกกำลังซื้อ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงเห็นแคมเปญต่าง ๆ ออกมามากมาย
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ประเมินว่า ภาพรวมกำลังซื้อช่วง 2 เดือนสุดท้าย คงต้องประเมินสถานการณ์ทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปอีกครั้ง เบื้องต้น ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (1-14 พ.ย.) สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนในเขตเมืองท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักขึ้น โดยในส่วนของบริษัทมีการจัดแคมเปญร่วมกับ ททท. กับแคมเปญ "Amazing Thailand Grand Sale Privilege Passport" เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแคมเปญดังกล่าวถือว่าเป็นกลไกสำคัญ โดยมีหัวใจหลัก คือ เรื่องของการช็อปปิ้ง ขณะที่ ในส่วนของคนไทยก็มีการจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ แคมเปญโปรโมชันต่าง ๆ ในช่วงสิ้นปี เพื่อกระตุ้นสีสันในช่วงปลายปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
[caption id="attachment_349087" align="aligncenter" width="503"]
ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา[/caption]
"เดือน พ.ย. สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนเริ่มดีขึ้น แต่ว่ายังไม่เท่ากับช่วงก่อนหน้า ดังนั้น จึงได้มีแคมเปญเร่งด่วนดังกล่าวเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมองว่าเรื่องของมาตรการลดหย่อนภาษีในช่วงปลายปี คือ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า อยากให้มีแคมเปญลดหย่อนภาษีออกมาเหมือนดังเช่นทุกปี"
ขณะที่ ในปีหน้ามองว่า การเลือกตั้งและโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐประกาศออกมายังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นกำลังซื้อของประเทศให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง ขณะที่ ภาคการเกษตรอย่างราคาข้าวที่ดีขึ้นจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อในเขตภาคอีสานและเหนือ แต่ในส่วนของภาคใต้ ราคายางที่ยังตกตํ่าก็คงต้องมีการพึ่งพาภาคบริการอย่างท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูสถานการณ์นักท่องเที่ยว สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา ที่อาจจะเข้ามามีผลต่อสภาพเศรษฐกิจในบ้านเรา โดยเฉพาะปัญหาในจีนและญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย ว่า จะกลับมาฟื้นมากแค่ไหน
ด้าน นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า จากการประเมินภาพรวมจีดีพีที่ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวที่ 4-5% มองว่า น่าจะมีการเติบโตตามเป้าหมายที่มีการประเมินไว้ นั่นแสดงว่า กำลังซื้อโดยรวมยังดีอยู่ โดยประเมินว่า กำลังซื้อในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ก็ยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่ โดยเฉพาะในหัวเมืองหลัก ๆ โดยในส่วนของบริษัท ยอดขายตามหัวเมืองหลักอย่างภูเก็ตก็ยังคงมีการเติบโตที่ดีมาก ทั้งในส่วนของโรงแรม ศูนย์การค้า แม้ช่วงที่ผ่านมา หัวเมืองหลักต่าง ๆ จะประสบปัญหาเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง แต่เชื่อว่ายังไม่ถึงขั้นวิกฤติที่จะส่งผลต่อภาพรวมมากนัก โดยในส่วนของภาพรวมธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีการเติบโตที่ดี มีรายได้เติบโตที่ 10% ขณะที่ ผลกำไรโต 15% ส่วนครึ่งปีหลังน่าจะมีการเติบโตตามเป้า และส่งผลให้ภาพรวมบริษัทมีการเติบโตใกล้เคียงที่ 20%
"มองว่า มาตรการเรื่องวีซ่า (VOA) ที่ภาครัฐมีมาตรการออกมา จะสามารถช่วยกระตุ้นภาพรวมการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่า สิ้นปีภาครัฐจะมีมาตรการลดหย่อนภาษีออกมาเหมือนดังเช่นทุกปีหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวมองว่า หากมีมาตรการลดหย่อนภาษีออกมาในช่วงสิ้นปีจะยิ่งช่วยกระตุ้นให้ภาพรวมช่วง 2 เดือนสุดท้าย คึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะในสภาวะที่นักท่องเที่ยวหายไปค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ การประกาศเลือกตั้ง มองว่าจะยังไม่มีผลกับภาพรวมตลาดมากนัก ซึ่งคงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง"
ขณะที่ แนวโน้มในปีหน้าประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจกำลังซื้อ รวมไปถึงภาพรวมธุรกิจ จะไม่สวิงมากนัก เนื่องจากยังมีปัจจัยบวกในเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศที่ภาครัฐมีหลายโครงการออกมาในช่วงที่ผ่านมา ที่จะกระจายออกไปยังต่างจังหวัดได้ทั่วถึงมากขึ้น ก็จะส่งผลให้การเติบโตในแต่ละพื้นที่ของไทยสามารถเติบโตได้เร็วขึ้น เนื่องจากมีการกระจายรายได้ไปยังท้องถิ่นและประชากรในแต่ละพื้นที่ได้มากขึ้น ขณะที่ ยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี 10 ปี ของภาครัฐ ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยหลักที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมองว่ามาตรการเรื่องการท่องเที่ยวที่ออกมาจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจและกำลังซื้อของไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากการท่องเที่ยวถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย
ด้าน นายสมชาย วรุณพันธุลักษณ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป กล่าวว่า กำลังซื้อในเดือนสุดท้าย เชื่อว่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซัน เพรสทีจที่ผู้บริโภคจะออกมาใช้เงิน พ่อค้าแม่ค้าก็ยังจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อไปขายต่อ ขณะเดียวกัน ร้านค้าก็ยังจัดโปรโมชันและทำการตลาดต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้เองยังไม่มีฟีดแบ็กว่ายอดขายไม่ดีหรือได้รับผลกระทบมากนัก ทำให้เชื่อว่าโดยภาพรวมจะยังดีอยู่
[caption id="attachment_349089" align="aligncenter" width="335"]
สมชาย วรุณพันธุลักษณ์[/caption]
"ในปีหน้ายังไม่มีปัจจัยลบที่ต้องกังวล ตรงข้ามกลับมองเห็นปัจจัยบวกที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายและมีเงินสะพัดในธุรกิจ ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมในปีหน้าจะดีขึ้น"
หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,419 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายน 2561
แม้จะก้าวเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ซึ่งเป็นไพรม์ไทม์ในการจับจ่ายสินค้าของผู้บริโภค ผู้ประกอบการ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ แต่ดูเหมือนผู้ประกอบการค้าปลีกจะยังระมัดระวังถึงกำลังซื้อที่มีอยู่ ว่า จะมีความเชื่อมั่นและมีมูดในการจับจ่ายหรือไม่ จึงเร่งผลักดันแคมเปญการตลาด เพื่อกระตุ้นและสร้างบรรยากาศการช็อปปิ้งให้คึกคัก ขณะที่ ภาครัฐเองก็ส่งสัญญาณที่จะช่วยปลุกกำลังซื้อ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงเห็นแคมเปญต่าง ๆ ออกมามากมาย
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ประเมินว่า ภาพรวมกำลังซื้อช่วง 2 เดือนสุดท้าย คงต้องประเมินสถานการณ์ทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปอีกครั้ง เบื้องต้น ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (1-14 พ.ย.) สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนในเขตเมืองท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักขึ้น โดยในส่วนของบริษัทมีการจัดแคมเปญร่วมกับ ททท. กับแคมเปญ "Amazing Thailand Grand Sale Privilege Passport" เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแคมเปญดังกล่าวถือว่าเป็นกลไกสำคัญ โดยมีหัวใจหลัก คือ เรื่องของการช็อปปิ้ง ขณะที่ ในส่วนของคนไทยก็มีการจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ แคมเปญโปรโมชันต่าง ๆ ในช่วงสิ้นปี เพื่อกระตุ้นสีสันในช่วงปลายปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
[caption id="attachment_349087" align="aligncenter" width="503"]
"เดือน พ.ย. สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนเริ่มดีขึ้น แต่ว่ายังไม่เท่ากับช่วงก่อนหน้า ดังนั้น จึงได้มีแคมเปญเร่งด่วนดังกล่าวเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมองว่าเรื่องของมาตรการลดหย่อนภาษีในช่วงปลายปี คือ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า อยากให้มีแคมเปญลดหย่อนภาษีออกมาเหมือนดังเช่นทุกปี"
ขณะที่ ในปีหน้ามองว่า การเลือกตั้งและโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐประกาศออกมายังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นกำลังซื้อของประเทศให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง ขณะที่ ภาคการเกษตรอย่างราคาข้าวที่ดีขึ้นจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อในเขตภาคอีสานและเหนือ แต่ในส่วนของภาคใต้ ราคายางที่ยังตกตํ่าก็คงต้องมีการพึ่งพาภาคบริการอย่างท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูสถานการณ์นักท่องเที่ยว สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา ที่อาจจะเข้ามามีผลต่อสภาพเศรษฐกิจในบ้านเรา โดยเฉพาะปัญหาในจีนและญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย ว่า จะกลับมาฟื้นมากแค่ไหน
ด้าน นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า จากการประเมินภาพรวมจีดีพีที่ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวที่ 4-5% มองว่า น่าจะมีการเติบโตตามเป้าหมายที่มีการประเมินไว้ นั่นแสดงว่า กำลังซื้อโดยรวมยังดีอยู่ โดยประเมินว่า กำลังซื้อในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ก็ยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่ โดยเฉพาะในหัวเมืองหลัก ๆ โดยในส่วนของบริษัท ยอดขายตามหัวเมืองหลักอย่างภูเก็ตก็ยังคงมีการเติบโตที่ดีมาก ทั้งในส่วนของโรงแรม ศูนย์การค้า แม้ช่วงที่ผ่านมา หัวเมืองหลักต่าง ๆ จะประสบปัญหาเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง แต่เชื่อว่ายังไม่ถึงขั้นวิกฤติที่จะส่งผลต่อภาพรวมมากนัก โดยในส่วนของภาพรวมธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีการเติบโตที่ดี มีรายได้เติบโตที่ 10% ขณะที่ ผลกำไรโต 15% ส่วนครึ่งปีหลังน่าจะมีการเติบโตตามเป้า และส่งผลให้ภาพรวมบริษัทมีการเติบโตใกล้เคียงที่ 20%
"มองว่า มาตรการเรื่องวีซ่า (VOA) ที่ภาครัฐมีมาตรการออกมา จะสามารถช่วยกระตุ้นภาพรวมการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่า สิ้นปีภาครัฐจะมีมาตรการลดหย่อนภาษีออกมาเหมือนดังเช่นทุกปีหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวมองว่า หากมีมาตรการลดหย่อนภาษีออกมาในช่วงสิ้นปีจะยิ่งช่วยกระตุ้นให้ภาพรวมช่วง 2 เดือนสุดท้าย คึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะในสภาวะที่นักท่องเที่ยวหายไปค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ การประกาศเลือกตั้ง มองว่าจะยังไม่มีผลกับภาพรวมตลาดมากนัก ซึ่งคงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง"
ขณะที่ แนวโน้มในปีหน้าประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจกำลังซื้อ รวมไปถึงภาพรวมธุรกิจ จะไม่สวิงมากนัก เนื่องจากยังมีปัจจัยบวกในเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศที่ภาครัฐมีหลายโครงการออกมาในช่วงที่ผ่านมา ที่จะกระจายออกไปยังต่างจังหวัดได้ทั่วถึงมากขึ้น ก็จะส่งผลให้การเติบโตในแต่ละพื้นที่ของไทยสามารถเติบโตได้เร็วขึ้น เนื่องจากมีการกระจายรายได้ไปยังท้องถิ่นและประชากรในแต่ละพื้นที่ได้มากขึ้น ขณะที่ ยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี 10 ปี ของภาครัฐ ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยหลักที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมองว่ามาตรการเรื่องการท่องเที่ยวที่ออกมาจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจและกำลังซื้อของไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากการท่องเที่ยวถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย
ด้าน นายสมชาย วรุณพันธุลักษณ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป กล่าวว่า กำลังซื้อในเดือนสุดท้าย เชื่อว่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซัน เพรสทีจที่ผู้บริโภคจะออกมาใช้เงิน พ่อค้าแม่ค้าก็ยังจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อไปขายต่อ ขณะเดียวกัน ร้านค้าก็ยังจัดโปรโมชันและทำการตลาดต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้เองยังไม่มีฟีดแบ็กว่ายอดขายไม่ดีหรือได้รับผลกระทบมากนัก ทำให้เชื่อว่าโดยภาพรวมจะยังดีอยู่
[caption id="attachment_349089" align="aligncenter" width="335"]
"ในปีหน้ายังไม่มีปัจจัยลบที่ต้องกังวล ตรงข้ามกลับมองเห็นปัจจัยบวกที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายและมีเงินสะพัดในธุรกิจ ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมในปีหน้าจะดีขึ้น"
หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,419 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายน 2561
