กองทุนรวมปีหน้าทรงตัว PVDยังโตต่อเนื่อง ยันหมดภาษี LTF ไม่กระทบตลาด

19 พ.ย. 2561 | 13:30 น.
นายกสมาคมจัดการลงทุนมอง อุตสาหกรรมกองทุนปีหน้าทรงตัวเติบโตเพียง 6-7%เท่าปีนี้ เหตุปัจจัยลบยังรอบด้าน ชี้กองทุนรวมติดลบตามผลตอบแทน ยันหมดภาษี LTF ไม่กระทบตลาด

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.)เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในกองทุนปี 2562 คาดว่า จะเติบโตในระดับทรงตัวที่ 6-7% เท่ากับปีนี้ เนื่องจากปัจจัยกดดันในตลาดตราสารทุนยังมีสูง โดยตัวเลขในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(PVD) ยังเติบโตค่อนข้างดี ส่วนกองทุนรวม (Mutual Fund) มีแนวโน้มติดลบจากผลตอบแทนที่ติดลบ แต่ยังมีเม็ดเงินเข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ยังคงมีการเติบโตพอสมควร

ทั้งนี้ การลงทุนในปีหน้า มองว่า ยังไม่สดใส แต่เป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนระยะยาว โดยปัจจัยที่ยังรอให้มีความคลี่คลายคือ สงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนที่จะมีการพบปะกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการประชุม G 20ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ว่า จะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งหากแนวโน้มออกมาเป็นลบ ก็จะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนทั่วโลกต่อ และจะยืดเยื้อต่อเนื่องไปอีกนาน นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ที่จะปรับขึ้นต่อนั้นอาจจะทำให้มีเรื่องเงินเฟ้อเข้ามากดดันการลงทุนมากขึ้น

MP19-3419-A

ขณะที่สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) ที่จะหมดอายุในปี 2562 นั้น มองว่าไม่ได้กระทบต่อตลาดมากนัก ซึ่งสิ่งที่ต้องไปดูคือ ผู้ลงทุนปัจจุบันที่อยู่ในระบบ PVD ว่าสิ่งที่เลือกเป็นตราสารทุนเท่าไหร่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม หากลงทุนใน PVD แล้วยังไม่เต็ม ก็สามารถหาลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเพิ่มได้ ซึ่งปีหน้ายังมีเรื่องของ LTF ที่ยังไม่หมดอายุ ดังนั้น ควรใช้สิทธิประโยชน์ตรงนี้ก่อน ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องที่ต้องผลักดันกองทุนที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการออมระยะยาวหรือการลงทุนระยะยาว

อย่างไรก็ตาม สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้เสนอแนวทางการจัดตั้งกองทุนใหม่แทนกองทุน LTF ที่จะหมดอายุในปี 2562 โดยเสนอให้แบ่งสัดส่วนเงินลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ (อินฟราสตรักเจอร์ ฟันด์) และหุ้นในกลุ่มหุ้นยั่งยืน 50% ส่วนอีก 50% เป็นการลงทุนอิสระ และเปลี่ยนการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นการให้เครดิตภาษีแทนและต้องลงทุนระยะยาวเป็นเวลา 10 ปี


ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ถือเป็นช่วงที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจลงทุนกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างกองทุน LTF-RMF เป็นอย่างมาก และส่วนตัวมองว่า ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนกองทุนประเภท LTF/RMF หลังราคาหุ้นไทยปรับตัวลงมาในระดับหนึ่งแล้ว และเวลาสำหรับการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในปีนี้เหลือไม่มากนัก หากนักลงทุนยังรีรอ และหวังว่าในช่วงสิ้นปีราคาหุ้นไทยจะปรับลดลงนั้น อาจทำให้ได้หุ้นในราคาที่แพงในช่วงสิ้นปีได้

[caption id="attachment_347372" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

“แนะว่าให้ทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ประกอบกับในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะในการเก็บกองทุน LTF/RMF ที่มีต้นทุนตํ่ากว่าช่วงพีกของปีนี้มาก และหุ้นไทยเองก็ปรับตัวลงมาในระดับที่น่าลงทุนแล้ว” นายบุญชัย กล่าว

หน้า 19 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,419 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายน 2561 595959859