"มาดามเดียร์-ดร.ณพงศ์" สมัครสมาชิกพลังประชารัฐ
เปิดตัว "มาดามเดียร์ - ดร.ณพงศ์" สมัครสมาชิกพลังประชารัฐ เผย ชื่มชมนโยบายผลักดันอีอีซี ชี้! ถึงเวลาเสียสละช่วยสร้างความเจริญให้บ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 พ.ย. 61) เวลาประมาณ 07.40 น. นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ อดีตผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดอายุ 23 ปี ได้เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ณ ที่ทำการพรรค อาคารปานศรี ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. ให้การต้อนรับ
นอกจากนี้ ยังมี ผศ.ดร.ณพงศ์ นพเกตุ อดีตผู้อำนวยการศูนย์นิด้าโพลล์ มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ในวันนี้ด้วย
นายสนธิรัตน์ ได้กล่าวต้อนรับผู้สมัครทั้ง 2 ราย ว่า ทางพรรคยินดีต้อนรับบุคคลคุณภาพทั้ง 2 ท่าน ที่ตัดสินใจลงสู่การเมืองเพื่อเป็นความหวังให้กับพี่น้องประชาชน เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในการเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐ ด้วยความตั้งใจที่จะมาช่วยสร้างพรรคให้เป็นที่ต้องการของประชาชนให้ประสบความสำเร็จตามที่พี่น้องประชาชนต้องการ
ส่วนการจะลงสมัคร ส.ส.เขต หรือ แบบปาร์ตี้ลิสต์ หรือไม่อย่างไร ทางพรรคมีกลไกในการพิจารณาที่จะคัดสรรบุคคลคุณภาพเพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งก็เป็นความโชคดีของพรรค พปชร. ที่ทั้ง 2 ท่าน ได้ตัดสินใจเข้าสู่พรรคโดยไม่มีเงื่อนไขว่าเข้ามาแล้วจะต้องมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากไม่ได้มีการตั้งพรรคแบบมีข้อต่อรอง เพราะฉะนั้นการสมัครเข้าพรรคถือเป็นความตั้งใจเข้าสู่พรรค ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องนี้ เพราะไม่ได้มีการพูดคุยกันในการที่จะเข้าสู่พรรค
ด้าน นางสาววทันยา กล่าวถึงการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการหารือว่าจะลงสมัคร ส.ส. หรือไม่ อย่างไร คงต้องหารือกับทางผู้ใหญ่ว่ามีความเหมาะสมตรงจุดไหน ทั้งในส่วนของการขับเคลื่อนพรรค หรือ การจะลง ส.ส. แบบไหน อย่างไรก็ดี ต้องทำงานเพื่อส่วนรวม คงต้องให้ทางผู้ใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ
"ที่ตัดสินใจเข้าร่วมพรรคในครั้งนี้มีหลายเหตุผล ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าไม่คิดจะทำงานการเมือง ซึ่งก็ยังยืนยันเรื่องนี้ แต่ที่ตัดสินใจวันนี้ เพราะว่าได้แง่คิดจากผู้ใหญ่หลายท่านที่ให้มุมมอง"
นางสาววทันยา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานในฐานะสื่อ ซึ่งความฝันหนึ่ง คือ อยากทำงานเพื่อสังคมด้วยกระบวนการของสื่อ แต่ที่ผ่านมาเป็นแค่คนนั่งมองและตั้งคำถาม แต่ถ้าต้องการการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ คงต้องลุกขึ้นมาและลงมือทำด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ
"เห็นว่าผู้ใหญ่ในพรรคหลายท่านไม่ได้มาจากพื้นฐานการเป็นนักการเมือง มาจากเทคโนแครต ประกอบกับชื่นชมผลงานหลาย ๆ ด้านที่เราชื่นชม เช่น ความพยายามในการผลักดันโครงการอีอีซี ซึ่งถ้าประสบความสำเร็จจะเป็นโครงการที่ลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปีของประเทศไทย เราได้เห็นผลงาน ทำให้รู้สึกว่าคงถึงเวลาแล้วที่เราต้องเสียสละและลุกขึ้นมาทำด้วยตัวเองบ้าง" มาดามเดียร์ ระบุ
เมื่อถามว่าจะลาออกจากการเป็นผู้บริหารสื่อมาทำงานการเมืองเต็มตัวเลยหรือไม่นั้น นางสาววทันยา กล่าวว่า ตามกฎหมายก็ต้องลาออกและคงต้องยุติบทบาทลง เพื่อให้เกิดความชัดเจนทั้งในแง่บทบาททางการเมืองและการทำงานสื่อมวลชน
ส่วนเมื่อได้เข้ามาทำงานการเมืองแล้วจะวางบทบาททางสื่ออย่างไรนั้น มาดามเดียร์ ตอบว่า เป็นที่ทราบกันดีว่ากองบรรณาธิการทำงานเป็นอิสระ และในฐานะผู้บริหารสื่อที่ผ่านมาก็ไม่เคยแทรกแซง ครอบงำ หรือ ชี้นำกองบรรณาธิการ และเชื่อว่ากองบรรณาธิการทุกคนทำงานเป็นอิสระและมีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า การเข้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะมีข้อแลกเปลี่ยนคดีปั่นหุ้นที่ นายฉาย บุนนาค สามี ตกเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ในชั้นอัยการนั้น นางสาววทันยา ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกันกับเรื่องของครอบครัว เมืองไทยเรามีกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องอะไรก็ขอให้สู่กระบวนการยุติธรรมที่จะพิสูจน์ทราบ ในเรื่องการมาทำงานเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทั้งแง่การงานและส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
ด้าน นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่พรรคเล็กต้องการให้มีการเลื่อนเลือกตั้ง ว่า เป็นสิทธิของพรรคเล็ก ซึ่งก็ต้องฟังทุกฝ่าย แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐมีความพร้อมตั้งแต่วันนี้ และพร้อมที่จะเป็นไปตามโรดแมปการเลือกตั้งทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า วางตัวนายกฯ หรือได้ทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคแล้วหรือยัง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา อย่างไรก็ตามยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐจะคัดสรรบุคคลที่มั่นใจได้ว่าจะนำพาประเทศไปสู่เป้าหมายได้ ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ที่มีคุณสมบัตินี้ ยังมีเวลาในการสรรหาเรื่องนี้ และว่าพรรคเคารพทุกกติกา ไม่ว่าจะเลือกตั้งเร็วขึ้น หรือ เลื่อนการเลือกตั้ง ความเป็นพรรค ก็ต้องพร้อมต่อทุกกติกาที่จะเกิดขึ้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 18 พ.ย. นี้ เชื่อว่ามีอีกหลายกลุ่มที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรค เนื่องจากทางพรรคมีจุดยืนว่า ก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น จึงมีกลุ่มจากพรรคต่าง ๆ ให้ความสนใจ และคิดว่าพรรค พปชร. จะสร้างสมดุลทางการเมืองได้ในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 พ.ย. 61) เวลาประมาณ 07.40 น. นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ อดีตผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดอายุ 23 ปี ได้เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ณ ที่ทำการพรรค อาคารปานศรี ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. ให้การต้อนรับ
นอกจากนี้ ยังมี ผศ.ดร.ณพงศ์ นพเกตุ อดีตผู้อำนวยการศูนย์นิด้าโพลล์ มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ในวันนี้ด้วย
นายสนธิรัตน์ ได้กล่าวต้อนรับผู้สมัครทั้ง 2 ราย ว่า ทางพรรคยินดีต้อนรับบุคคลคุณภาพทั้ง 2 ท่าน ที่ตัดสินใจลงสู่การเมืองเพื่อเป็นความหวังให้กับพี่น้องประชาชน เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในการเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐ ด้วยความตั้งใจที่จะมาช่วยสร้างพรรคให้เป็นที่ต้องการของประชาชนให้ประสบความสำเร็จตามที่พี่น้องประชาชนต้องการ
ส่วนการจะลงสมัคร ส.ส.เขต หรือ แบบปาร์ตี้ลิสต์ หรือไม่อย่างไร ทางพรรคมีกลไกในการพิจารณาที่จะคัดสรรบุคคลคุณภาพเพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งก็เป็นความโชคดีของพรรค พปชร. ที่ทั้ง 2 ท่าน ได้ตัดสินใจเข้าสู่พรรคโดยไม่มีเงื่อนไขว่าเข้ามาแล้วจะต้องมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากไม่ได้มีการตั้งพรรคแบบมีข้อต่อรอง เพราะฉะนั้นการสมัครเข้าพรรคถือเป็นความตั้งใจเข้าสู่พรรค ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องนี้ เพราะไม่ได้มีการพูดคุยกันในการที่จะเข้าสู่พรรค
ด้าน นางสาววทันยา กล่าวถึงการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการหารือว่าจะลงสมัคร ส.ส. หรือไม่ อย่างไร คงต้องหารือกับทางผู้ใหญ่ว่ามีความเหมาะสมตรงจุดไหน ทั้งในส่วนของการขับเคลื่อนพรรค หรือ การจะลง ส.ส. แบบไหน อย่างไรก็ดี ต้องทำงานเพื่อส่วนรวม คงต้องให้ทางผู้ใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ
"ที่ตัดสินใจเข้าร่วมพรรคในครั้งนี้มีหลายเหตุผล ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าไม่คิดจะทำงานการเมือง ซึ่งก็ยังยืนยันเรื่องนี้ แต่ที่ตัดสินใจวันนี้ เพราะว่าได้แง่คิดจากผู้ใหญ่หลายท่านที่ให้มุมมอง"
นางสาววทันยา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานในฐานะสื่อ ซึ่งความฝันหนึ่ง คือ อยากทำงานเพื่อสังคมด้วยกระบวนการของสื่อ แต่ที่ผ่านมาเป็นแค่คนนั่งมองและตั้งคำถาม แต่ถ้าต้องการการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ คงต้องลุกขึ้นมาและลงมือทำด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ
"เห็นว่าผู้ใหญ่ในพรรคหลายท่านไม่ได้มาจากพื้นฐานการเป็นนักการเมือง มาจากเทคโนแครต ประกอบกับชื่นชมผลงานหลาย ๆ ด้านที่เราชื่นชม เช่น ความพยายามในการผลักดันโครงการอีอีซี ซึ่งถ้าประสบความสำเร็จจะเป็นโครงการที่ลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปีของประเทศไทย เราได้เห็นผลงาน ทำให้รู้สึกว่าคงถึงเวลาแล้วที่เราต้องเสียสละและลุกขึ้นมาทำด้วยตัวเองบ้าง" มาดามเดียร์ ระบุ
เมื่อถามว่าจะลาออกจากการเป็นผู้บริหารสื่อมาทำงานการเมืองเต็มตัวเลยหรือไม่นั้น นางสาววทันยา กล่าวว่า ตามกฎหมายก็ต้องลาออกและคงต้องยุติบทบาทลง เพื่อให้เกิดความชัดเจนทั้งในแง่บทบาททางการเมืองและการทำงานสื่อมวลชน
ส่วนเมื่อได้เข้ามาทำงานการเมืองแล้วจะวางบทบาททางสื่ออย่างไรนั้น มาดามเดียร์ ตอบว่า เป็นที่ทราบกันดีว่ากองบรรณาธิการทำงานเป็นอิสระ และในฐานะผู้บริหารสื่อที่ผ่านมาก็ไม่เคยแทรกแซง ครอบงำ หรือ ชี้นำกองบรรณาธิการ และเชื่อว่ากองบรรณาธิการทุกคนทำงานเป็นอิสระและมีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า การเข้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะมีข้อแลกเปลี่ยนคดีปั่นหุ้นที่ นายฉาย บุนนาค สามี ตกเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ในชั้นอัยการนั้น นางสาววทันยา ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกันกับเรื่องของครอบครัว เมืองไทยเรามีกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องอะไรก็ขอให้สู่กระบวนการยุติธรรมที่จะพิสูจน์ทราบ ในเรื่องการมาทำงานเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทั้งแง่การงานและส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
ด้าน นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่พรรคเล็กต้องการให้มีการเลื่อนเลือกตั้ง ว่า เป็นสิทธิของพรรคเล็ก ซึ่งก็ต้องฟังทุกฝ่าย แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐมีความพร้อมตั้งแต่วันนี้ และพร้อมที่จะเป็นไปตามโรดแมปการเลือกตั้งทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า วางตัวนายกฯ หรือได้ทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคแล้วหรือยัง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา อย่างไรก็ตามยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐจะคัดสรรบุคคลที่มั่นใจได้ว่าจะนำพาประเทศไปสู่เป้าหมายได้ ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ที่มีคุณสมบัตินี้ ยังมีเวลาในการสรรหาเรื่องนี้ และว่าพรรคเคารพทุกกติกา ไม่ว่าจะเลือกตั้งเร็วขึ้น หรือ เลื่อนการเลือกตั้ง ความเป็นพรรค ก็ต้องพร้อมต่อทุกกติกาที่จะเกิดขึ้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 18 พ.ย. นี้ เชื่อว่ามีอีกหลายกลุ่มที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรค เนื่องจากทางพรรคมีจุดยืนว่า ก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น จึงมีกลุ่มจากพรรคต่าง ๆ ให้ความสนใจ และคิดว่าพรรค พปชร. จะสร้างสมดุลทางการเมืองได้ในอนาคต
