กลุ่มไทคอนจัดงบ 4 พันล้าน ขยายพื้นที่ให้เช่าในประเทศเพิ่ม 2.8 แสนตารางเมตร พร้อมลุยตลาดอาเซียนรับเออีซี เผยเจรจาร่วมทุนเวียดนาม 2 ราย และซื้อที่เพิ่มในอินโดนีเซีย พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในเมียนมา เชื่อรายได้ปี 59 โตกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า ในปี 2559 บริษัทจะใช้งบลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินการขยายพื้นที่ให้เช่าในประเทศอีก 2.8 แสนตางรางเมตร อีกทั้งยังจะมุ่งเน้นการเจาะตลาดอาเซียน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการเจรจาร่วมทุนกับผู้ประกอบการในประเทศเวียดนาม 2 ราย ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปช่วงกลางปีนี้ ขณะที่ในส่วนของประเทศอินโดนีเซียปัจจุบันอยู่ระหว่างการซื้อที่ดินเพิ่มเติม จากเดิมที่มีพื้นที่ให้เช่าแล้วประมาณ 3 หมื่นตามรางเมตรให้มีเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังเตรียมขยายการลงทุนไปสู่ประเทศเมียนมา โดยอยู่ระหว่างการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปลงทุน
“การลงทุนในปีนี้ของบริษัทฯจะประกอบไปด้วย งบลงทุนในโรงงานของ TICON 500 ล้านบาท และงบลงทุนคลังสินค้าของ TPARK 3พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย 500 ล้านบาท โดยความคืบหน้าขณะนี้ได้เริ่มพัฒนาเฟส 2 ด้วยขนาดพื้นที่ 5.1 หมื่นตารางเมตร นอกจากประเทศอินโดนีเซียแล้วไทคอนยังมองเห็นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม ซึ่งนับเป็นอีกประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว”
ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทฯ มองเห็นโอกาสอย่างสูงจากการเปิดประตูการค้าเสรีอาเซียน บวกกับต้นทุนค่าก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างที่ลดลง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายการลงทุน โดยบริษัทฯยังคงดำเนินงานตามแผนการลงทุนที่วางไว้ 5 ปี (พ.ศ. 2558 – 2562) ภายใต้งบประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในระดับอาเซียน โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในปีนี้ประมาณ 2.8 แสนตารางเมตร ขณะที่สัดส่วนรายได้จากค่าเช่าในต่างประเทศนั้น ในปี 62 บริษัทตั้งเป้าจะได้ค่าเช่าจากส่วนดังกล่าวประมาณ 40% จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 5%
นายวีรพันธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า รายได้และผลกำไรปีนี้ของบริษัทฯ คาดว่าน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรือมากกว่าเล็กน้อย เนื่องจากอุตสาหกรรมยังอยู่ในภาวะชะลอตัวตามผู้ลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเกิดจากความผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่ในไตรมาส 4/59 จะมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯอาจมีรายได้พิเศษจากการขายที่ดินเข้ามาเพิ่มเติม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าหลายราย ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1 พันล้านบาท โดยรายได้ในส่วนดังกล่าวไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการณ์ตามปกติของบริษัทฯ เพราะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
สำหรับในปี 2558 นั้น บริษัทฯมีกำไรสุทธิประมาณ 769.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 57 ที่มีกำไรสุทธิประมาณ 761.73 ล้านบาท จากรายได้ที่มาจากค่าเช่า รวมถึงค่าบริการ และการขายสินทรัพย์เข้า TREIT โดยที่บริษัทฯ ได้เพิ่มพื้นที่เช่าใหม่ได้ 3.83 แสนตารางเมตร หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 38% จากปี 57 ที่มีพื้นที่ให้เช่าใหม่ 2.78 แสนตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON 6.92 หมื่นตารางเมตร พื้นที่คลังสินค้าของ TPARK 2.88 แสนตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าของ SLP ในประเทศอินโดนีเซีย 2.61 หมื่นตารางเมตร โดยกลุ่มไทคอนมีรายได้รวม 4.85 พันล้านบาท
"แม้ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน แต่ผลการดำเนินงานที่เติบโตของกลุ่มไทคอนอย่างมีนัยสำคัญนี้ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ถูกต้องของบริษัทฯที่เน้นเรื่องความพร้อมใช้ และอาคารที่มีคุณภาพสูงในทำเลที่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นในปีที่ผ่านมาไทคอนยังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการชาวจีนนอกเหนือจากผู้ประกอบการญี่ปุ่นตามปกติ โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการพลังงานทดแทน อาทิ การผลิตแผงโซลาร์ และการประกอบชิ้นส่วน" นายวีรพันธ์กล่าวและว่า
ด้านนายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด (TPARK) กล่าวว่า กลยุทธ์การตลาดของ TPARK ยังคงมุ่งเน้นการขยายพื้นที่คลังสินค้าในทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยมองว่าในปีนี้ยังคงเป็นพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะทำเลบางพลี และทำเลวังน้อย ซึ่งบริษัทฯมีที่ดินพร้อมใช้ในทำเลบางพลี 880ไร่ และทำเลวังน้อยอีก 877 ไร่ เนื่องจากเป็นทำเลยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้ารองรับการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญหลากหลาย อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค โมเดิร์นเทรด อีคอมเมิร์ซ และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น
“ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดและขยายคลังสินค้าใหม่เพื่อรองรับลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายราย ซึ่งเป็นการยืนยันความเชื่อมั่นในคลังสินค้าคุณภาพสูงในทำเลศักยภาพของบริษัทฯ อาทิ เนสท์เล่ สยามแมคโคร ลอรีอัล และลินฟ้อกซ์ นอกจากนี้ยังมีความต้องการจากลูกค้า E-Commerce เพิ่มขึ้นอย่างเช่น ลาซาด้า ส่วนทำเลต่างจังหวัดนอกเหนือจากทำเลขอนแก่นแล้ว ในปีนี้ยังพร้อมเปิดโครงการ TPARK ลำพูนทางภาคเหนือ บนที่ดิน 139 ไร่ ขนาดพื้นที่เช่า 9.6 หมื่นตารางเมตร ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีลูกค้ารายแรกตกลงเช่าคลังสินค้าในโครงการแล้ว 2.29 พันตารางเมตร" นายปธานกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับนวัตกรรมในการก่อสร้าง และวิศวกรรมคุณค่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า รวมถึงตอกย้ำเรื่องคุณภาพและความเชี่ยวชาญในการออกแบบคลังสินค้าที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อาทิ คลังสินค้าวัตถุอันตรายด้วยคุณภาพอันเป็นที่พึงพอใจของกรมโรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ตลอดจนคลังสินค้าสีเขียว หรือ LEED Building ซึ่งกลุ่มไทคอนเองนับเป็นผู้ประกอบการด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้ารายแรกที่ริเริ่มการนำมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มาใช้เพื่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าที่สามารถลดการใช้พลังงานในอาคารและลดการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ได้
อนึ่ง ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่ารวมทั้งสิ้น 51 โครงการ ภายใต้การบริหารจัดการ 2.35 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON 1.11 ล้านตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าของ TPARK 1.23 ล้านตารางเมตร