ไทคอนทุ่ม 4 พันล้านขยายพื้นที่ในประเทศ

02 มี.ค. 2559 | 02:18 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

กลุ่มไทคอนจัดงบ 4 พันล้าน ขยายพื้นที่ให้เช่าในประเทศเพิ่ม 2.8 แสนตารางเมตร  พร้อมลุยตลาดอาเซียนรับเออีซี  เผยเจรจาร่วมทุนเวียดนาม 2 ราย  และซื้อที่เพิ่มในอินโดนีเซีย  พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในเมียนมา เชื่อรายได้ปี 59 โตกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย

นายวีรพันธ์  พูลเกษ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท  ไทคอน  อินดัสเทรียล  คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า ในปี 2559 บริษัทจะใช้งบลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาท  เพื่อใช้ในการดำเนินการขยายพื้นที่ให้เช่าในประเทศอีก 2.8 แสนตางรางเมตร  อีกทั้งยังจะมุ่งเน้นการเจาะตลาดอาเซียน  โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการเจรจาร่วมทุนกับผู้ประกอบการในประเทศเวียดนาม 2  ราย  ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปช่วงกลางปีนี้  ขณะที่ในส่วนของประเทศอินโดนีเซียปัจจุบันอยู่ระหว่างการซื้อที่ดินเพิ่มเติม  จากเดิมที่มีพื้นที่ให้เช่าแล้วประมาณ 3 หมื่นตามรางเมตรให้มีเพิ่มมากขึ้น  นอกจากนี้ยังเตรียมขยายการลงทุนไปสู่ประเทศเมียนมา โดยอยู่ระหว่างการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปลงทุน

“การลงทุนในปีนี้ของบริษัทฯจะประกอบไปด้วย  งบลงทุนในโรงงานของ TICON 500 ล้านบาท และงบลงทุนคลังสินค้าของ TPARK  3พันล้านบาท  ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย 500 ล้านบาท  โดยความคืบหน้าขณะนี้ได้เริ่มพัฒนาเฟส 2 ด้วยขนาดพื้นที่ 5.1 หมื่นตารางเมตร นอกจากประเทศอินโดนีเซียแล้วไทคอนยังมองเห็นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม ซึ่งนับเป็นอีกประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว”

ทั้งนี้  ในปี 2559 บริษัทฯ มองเห็นโอกาสอย่างสูงจากการเปิดประตูการค้าเสรีอาเซียน  บวกกับต้นทุนค่าก่อสร้าง  และวัสดุก่อสร้างที่ลดลง  ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายการลงทุน  โดยบริษัทฯยังคงดำเนินงานตามแผนการลงทุนที่วางไว้ 5 ปี (พ.ศ. 2558 – 2562) ภายใต้งบประมาณ 5 หมื่นล้านบาท  เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในระดับอาเซียน  โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในปีนี้ประมาณ 2.8 แสนตารางเมตร  ขณะที่สัดส่วนรายได้จากค่าเช่าในต่างประเทศนั้น  ในปี 62 บริษัทตั้งเป้าจะได้ค่าเช่าจากส่วนดังกล่าวประมาณ 40% จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 5%

นายวีรพันธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า รายได้และผลกำไรปีนี้ของบริษัทฯ คาดว่าน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา  หรือมากกว่าเล็กน้อย  เนื่องจากอุตสาหกรรมยังอยู่ในภาวะชะลอตัวตามผู้ลงทุนจากต่างประเทศ  ซึ่งเกิดจากความผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลก  ขณะที่ในไตรมาส 4/59 จะมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท  นอกจากนี้  บริษัทฯอาจมีรายได้พิเศษจากการขายที่ดินเข้ามาเพิ่มเติม  โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าหลายราย  ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1 พันล้านบาท  โดยรายได้ในส่วนดังกล่าวไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการณ์ตามปกติของบริษัทฯ  เพราะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

สำหรับในปี 2558 นั้น  บริษัทฯมีกำไรสุทธิประมาณ 769.74 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 57 ที่มีกำไรสุทธิประมาณ 761.73 ล้านบาท  จากรายได้ที่มาจากค่าเช่า  รวมถึงค่าบริการ  และการขายสินทรัพย์เข้า TREIT  โดยที่บริษัทฯ ได้เพิ่มพื้นที่เช่าใหม่ได้ 3.83 แสนตารางเมตร  หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 38% จากปี 57 ที่มีพื้นที่ให้เช่าใหม่ 2.78 แสนตารางเมตร  แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON 6.92 หมื่นตารางเมตร  พื้นที่คลังสินค้าของ TPARK 2.88 แสนตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าของ SLP ในประเทศอินโดนีเซีย 2.61 หมื่นตารางเมตร  โดยกลุ่มไทคอนมีรายได้รวม 4.85 พันล้านบาท

"แม้ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ  รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง  ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน  แต่ผลการดำเนินงานที่เติบโตของกลุ่มไทคอนอย่างมีนัยสำคัญนี้  สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ถูกต้องของบริษัทฯที่เน้นเรื่องความพร้อมใช้  และอาคารที่มีคุณภาพสูงในทำเลที่ถูกต้อง  ยิ่งไปกว่านั้นในปีที่ผ่านมาไทคอนยังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการชาวจีนนอกเหนือจากผู้ประกอบการญี่ปุ่นตามปกติ  โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการพลังงานทดแทน อาทิ การผลิตแผงโซลาร์ และการประกอบชิ้นส่วน"  นายวีรพันธ์กล่าวและว่า

ด้านนายปธาน  สมบูรณสิน  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท  ไทคอน  โลจิสติคส์  พาร์ค  จำกัด  (TPARK) กล่าวว่า  กลยุทธ์การตลาดของ TPARK ยังคงมุ่งเน้นการขยายพื้นที่คลังสินค้าในทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง  โดยมองว่าในปีนี้ยังคงเป็นพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ และปริมณฑล  โดยเฉพาะทำเลบางพลี  และทำเลวังน้อย  ซึ่งบริษัทฯมีที่ดินพร้อมใช้ในทำเลบางพลี 880ไร่ และทำเลวังน้อยอีก 877 ไร่  เนื่องจากเป็นทำเลยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้ารองรับการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญหลากหลาย อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค โมเดิร์นเทรด อีคอมเมิร์ซ และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น

“ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดและขยายคลังสินค้าใหม่เพื่อรองรับลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายราย  ซึ่งเป็นการยืนยันความเชื่อมั่นในคลังสินค้าคุณภาพสูงในทำเลศักยภาพของบริษัทฯ อาทิ เนสท์เล่  สยามแมคโคร  ลอรีอัล  และลินฟ้อกซ์  นอกจากนี้ยังมีความต้องการจากลูกค้า E-Commerce เพิ่มขึ้นอย่างเช่น ลาซาด้า ส่วนทำเลต่างจังหวัดนอกเหนือจากทำเลขอนแก่นแล้ว ในปีนี้ยังพร้อมเปิดโครงการ TPARK ลำพูนทางภาคเหนือ บนที่ดิน 139 ไร่ ขนาดพื้นที่เช่า 9.6 หมื่นตารางเมตร  ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี  โดยมีลูกค้ารายแรกตกลงเช่าคลังสินค้าในโครงการแล้ว 2.29 พันตารางเมตร" นายปธานกล่าว

นอกจากนี้  บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับนวัตกรรมในการก่อสร้าง  และวิศวกรรมคุณค่าอย่างต่อเนื่อง  เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า  รวมถึงตอกย้ำเรื่องคุณภาพและความเชี่ยวชาญในการออกแบบคลังสินค้าที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อาทิ คลังสินค้าวัตถุอันตรายด้วยคุณภาพอันเป็นที่พึงพอใจของกรมโรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ตลอดจนคลังสินค้าสีเขียว  หรือ LEED Building ซึ่งกลุ่มไทคอนเองนับเป็นผู้ประกอบการด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้ารายแรกที่ริเริ่มการนำมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มาใช้เพื่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าที่สามารถลดการใช้พลังงานในอาคารและลดการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ได้

อนึ่ง  ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่ารวมทั้งสิ้น 51 โครงการ ภายใต้การบริหารจัดการ 2.35 ล้านตารางเมตร  แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON 1.11 ล้านตารางเมตร  และพื้นที่คลังสินค้าของ TPARK 1.23 ล้านตารางเมตร