6 แบงก์อออกหนังสือค้ำประกันวงเงิน“ทรูมูฟ เอช”

01 มี.ค. 2559 | 09:30 น.
ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น (TUC) จัดพิธีลงนามกับ 6 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย)  ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย  ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเกียรตินาคิน เพื่อออกหนังสือค้ำประกันวงเงินถึง 73,036.06 ล้านบาท โดยธนาคารไอซีบีซี (ไทย) เป็นผู้สนับสนุนวงเงินหนังสือค้ำประกันสูงสุดถึงเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าวงเงินทั้งหมด  เพื่อนำไปยื่นพร้อมการชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่900 MHz งวดแรกเป็นเงิน 8,040 ล้านบาท ที่ TUC ชนะการประมูลเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ในนามของกลุ่มทรู ขอขอบคุณสถาบันการเงินทั้ง 6 แห่งที่ไว้วางใจในกลุ่มทรู ทั้งธนาคารระดับโลกอย่างธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเกียรตินาคิน  ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินร่วมออกหนังสือค้ำประกัน ให้กลุ่มทรูได้เป็นเจ้าของคลื่นความถี่ 900 MHz ที่เพิ่งชนะการประมูลมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งกลุ่มทรูจะเดินหน้านำคลื่นดังกล่าวมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ 4G ของประเทศไทยเป็น 4G ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานระดับโลก สานต่อ

ความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูที่จะสร้างโครงข่ายที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการได้คลื่น  900MHz และ 1800 MHz เพิ่มเติมครั้งนี้ ทำให้กลุ่มทรูเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในประเทศที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดทั้งคลื่น 900 1800 2100 และ 850 MHz (ภายใต้ กสท.) สามารถให้บริการได้ครบทุกมิติ ผ่านเครือข่าย 4G 3G และ 2G จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของกลุ่มทรู ที่จะคงความเป็นผู้นำอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สาย เสริมความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินธุรกิจ ต่อยอดการเติบโตที่โดดเด่นของธุรกิจทรูโมบายล์ในปีที่ผ่านมาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น"

ดร. จื้อกัง หลี่ ประธานกรรมการ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไอซีบีซี (ไทย) หนึ่งในกลุ่มธนาคารไอซีบีซี (ธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชนา ลิมิเต็ด) ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้านสินทรัพย์รวม และเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงที่สุด ด้วยเครือข่ายที่เข้มแข็งกว่า 17,000 สาขาในประเทศจีน และกว่า 338 สาขาต่างประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีปทั่วโลก ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศไทย และเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูในการเป็นผู้นำของตลาด 3G และ 4G รวมถึงการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนไลฟ์สไตล์ของคนไทยในยุคดิจิตอล เนื่องจากความต้องการใช้งานโมบายล์บรอดแบนด์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในอนาคต ธนาคารฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการชนะการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz ของทรู จะช่วยสร้างเสถียรภาพด้านรายได้ของทรู และเป็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจต่างๆ ในระยะยาว

ในฐานะผู้จัดการวงเงินหนังสือค้ำประกันร่วมที่สนับสนุนวงเงินหนังสือค้ำประกันสูงสุดถึงเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าวงเงินทั้งหมด ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) มีความยินดีที่ได้ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ทั้งห้าของไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเกียรตินาคิน ในการผนึกความร่วมมือออกหนังสือค้ำประกันวงเงินให้กับกลุ่มทรู ซึ่งการสนับสนุนจากธนาคารไอซีบีซี (ไทย) และความร่วมมือของธนาคารพันธมิตรทั้งห้าในครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล”

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า "ธนาคารกรุงเทพ มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมให้การสนับสนุนหนังสือค้ำประกันสำหรับใบอนุญาตคลื่น 900 MHz แก่บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ในครั้งนี้ และมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าทางบริษัทฯ จะประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้"

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ธนาคารกสิกรไทยขอแสดงความยินดีกับกลุ่มทรูที่ได้รับใบอนุญาตการประมูลคลื่น 4Gความถี่ 900 MHz ในครั้งนี้  ซึ่งนับเป็นอีกก้าวที่สำคัญของกลุ่มทรูและอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย เนื่องจากจะช่วยให้เกิดการพัฒนาและกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจต่อเนื่องต่างๆ ในยุค Internet of Things เช่นธุรกิจคอนเทนต์ แอพพลิเคชั่น ธุรกิจอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกลุ่มทรูถือเป็นกลไกหลักสำคัญที่เชื่อมโยงให้เกิดการลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง รวมทั้งสนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับวงจรธุรกิจ หรือ แวลู เชน (Value Chain) ในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างกันในกลุ่มซัพพลายเออร์อุปกรณ์โดยเฉพาะจากประเทศจีน ผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ อันจะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศในอนาคต ธนาคารกสิกรไทยถือเป็นธนาคารที่ดำเนินงานภายใต้แนวทางดิจิตอลแบงกิ้งและเป็นหนึ่งในธนาคารพันธมิตรของกลุ่มทรูจึงพร้อมผลักดันและให้การสนับสนุนธุรกิจของกลุ่มทรูอย่างต่อเนื่อง”

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การที่ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ชนะการประมูลครั้งนี้ทำให้เป็นโอเปอร์เรเตอร์รายเดียวที่มีคลื่นความถี่มากที่สุด ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญครั้งหนึ่งของการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคโทรคมนาคมของประเทศ เพราะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและเจตนารมย์ที่ดีในการประกอบธุรกิจตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ธนาคารไทยพาณิชย์มีความยินดีกับความสำเร็จของกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น  ที่นับจากนี้ไปจะเป็นโอเปอร์เรเตอร์ที่มีศักยภาพสูงสุดในการให้บริการธุรกิจไร้สาย ซึ่งนอกจากจะมอบบริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยแก่ลูกค้าของทรูแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจและสังคมดิจิตอล (Digital Economy) ของภาครัฐอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน”

นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ธนาคารยินดีอย่างมากที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จครั้งสำคัญของกลุ่มทรู ซึ่งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ร่วมสนับสนุนทางการเงินใน deals สำคัญๆ ตั้งแต่กลุ่มทรูเริ่มต้นธุรกิจ Fixed Line จนกระทั่งเข้าสู่ยุคดิจิตอล สำหรับการชนะการประมูล 2 คลื่นความถี่ล่าสุดทั้ง 1800 MHz และ 900 MHz จะทำให้กลุ่มทรูเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เทคโนโลยี 4G ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีคลื่นที่หลากหลายทั้ง 850 MHz  900 MHz  1800 MHz และ 2100 MHz  และมีแบนด์วิธที่มากที่สุดถึง 55 MHz นอกจากนี้ การลงทุนในครั้งนี้ ยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมให้แก่ประเทศด้วย"

นายนรเชษฐ์ แสงรุจิ ประธานสายสินเชื่อบรรษัท ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า “ในประเทศไทยอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มที่ดี มีการเจริญเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในด้านจำนวนผู้ใช้บริการ ปริมาณการใช้งาน รวมถึงจำนวนค่าบริการต่อเลขหมาย และนับเป็นภาคส่วนที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ตามนโยบายของภาครัฐด้านดิจิตอลอีโคโนมี  บรอดแบนด์แห่งชาติ ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งชาติ และ National E-payment  ในนามของธนาคารเกียรตินาคิน ผมรู้สึกยินดี และเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ธนาคารได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในดีลประวัติศาสตร์ของประเทศครั้งนี้ ซึ่งกลุ่มทรู เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักของประเทศ มีเทคโนโลยีโครงข่ายสื่อสารที่หลากหลาย นอกจากนี้ ธนาคารยังเห็นถึงความมุ่งมั่นในการขยายโครงข่ายเพื่อการให้บริการ และการทุ่มเทอย่างหนักของทรู ในการประมูลคลื่นถี่ที่ผ่านมา และขอให้การดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ของทรูประสบความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้”

“ทรูมุ่งมั่นสร้างสรรค์นำเสนอบริการที่มีคุณภาพและสร้างโครงข่ายพื้นฐานโทรคมนาคมที่ดีที่สุดให้กับประเทศไทย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทดำเนินธุรกิจได้ดีอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้า และที่สำคัญคือจะสร้างมูลค่าให้กับประเทศไทย ทำให้ประเทศเรามีโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน 4Gในระดับที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกท่าน ทุกสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนบริษัทไทยอย่างกลุ่มทรู ให้มีโอกาสสร้างสร้างคุณค่าที่มากยิ่งขึ้นให้ทั้งกับองค์กรและประเทศไทย” นายศุภชัย กล่าวสรุป