15 ปี FTA ค้าไทย-จีนโต 530% พาณิชย์โชว์แผนลดขาดดุล-เพิ่มส่งออก

15 พ.ย. 2561 | 05:22 น.
พาณิชย์เผย "เอฟทีเออาเซียน-จีน" ช่วยดันการค้าไทย-จีน ช่วง 15 ปี โตขึ้นกว่า 5.3 เท่า หรือ 530% ชี้! การนำเข้าสินค้าจีนเพิ่ม 70% เป็นการนำเข้าสินค้าทุน-วัตถุดิบมาผลิตเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกต่อ โชว์แผนลดขาดดุล ดันเป้าส่งออกไปจีนปีหน้าโต 12% สั่งเจาะรายมณฑล

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยถึงกรณีที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน (ACFTA) ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีน และมีสินค้าราคาถูกของจีนทะลักเข้ามาขายในไทย ว่า กรมฯ ได้มีการตรวจสอบสถิติการค้าระหว่างไทย-จีน หลังจากที่ได้มีการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-จีน ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2546 พบว่า มูลค่าการค้า (ส่งออก+นำเข้า) ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากมูลค่า 11,691 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2546 เพิ่มขึ้นเป็น 73,745 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2560 หรือช่วง 15 ปี เพิ่มขึ้นกว่า 5.3 เท่า โดยในปี 2560 ไทยมีการส่งออกไปจีนมูลค่า 29,506 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปี 2559 ส่วนการนำเข้าจากจีนมีมูลค่า 44,239 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.3%

 

[caption id="attachment_347774" align="aligncenter" width="503"] อาทิตย์ ดวงรัตน์ อาทิตย์ นิธิอุทัย[/caption]

ส่วนในช่วง 9 เดือนของปี 2561 (ม.ค. - ก.ย.) มูลค่าการค้าอยู่ที่ 59,154 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกไปจีน 22,247 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เพิ่มขึ้น 3.8%) และนำเข้าจากจีน 36,907 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เพิ่มขึ้น 13.8%) ซึ่งการนำเข้าส่วนใหญ่จากจีนกว่า 70% เป็นสินค้าทุน เช่น เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกล และสินค้าวัตถุดิบ เช่น เคมีภัณฑ์ ผ้าผืน ซึ่งไทยนำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตต่อเป็นสินค้าสำเร็จรูป ทั้งใช้ภายในประเทศและส่งออกต่อ ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าส่งออกของไทยในภาพรวม และส่งเสริมศักยภาพการเป็นห่วงโซ่คุณค่าของไทยในระดับภูมิภาคและระดับโลก ตามนโยบายของรัฐบาลที่ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค

"การค้าไทย-จีนผ่านเอฟทีเออาเซียน-จีน ช่วยขยายการส่งออกของไทยไปจีนช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โตถึง 530% ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบธุรกิจและผู้ส่งออกของไทยอย่างมาก และแม้ว่าการนำเข้าของไทยจากจีนในช่วง 15 ปี ที่มี FTA อาเซียน–จีน จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก"


คอนเทนเนอร์

ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ประกอบการไทยมีความกังวลว่า สินค้านำเข้าจากจีนจะก่อให้เกิดความเสียหายกับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ก็สามารถขอให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ พิจารณาใช้มาตรการปกป้อง (Safeguard) มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping : AD) และมาตรการต่อต้านการอุดหนุน (Countervailing Measures : CVD) กับสินค้าที่ทะลักเข้ามา เพื่อเก็บภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าจากจีนได้

สำหรับการผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปจีน เพื่อลดปัญหาการขาดดุลการค้ากับจีนนั้น ในปี 2562 กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าการส่งออกไปจีนไว้ที่ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 12% โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีแผนที่จะบุกเจาะตลาดรายมณฑล เพื่อขยายการค้าไปยังพื้นที่ศักยภาพใหม่ของจีน นอกเหนือจากพื้นที่ตลาดหลักเดิม อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว โดยจะเจาะหัวเมืองด้านในที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มีชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น อาทิ เฉิงตู ฉงชิ่ง และซีอาน รวมทั้งเมืองท่าสำคัญ อย่าง ชิงต่าวและเซี่ยะเหมิน และมณฑลด้านตะวันตกของจีน ที่มีการพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับตลาดยุโรป ตามเส้นทาง Belt and Road ของจีน และยังมีกลยุทธ์ในการเร่งขยายการส่งออกสินค้าและบริการของไทย และเพิ่มโอกาสผ่านช่องทางการค้าสมัยใหม่ อาทิ E-Commerce เพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย


great wall the landmark of china and beijing

ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่อาจส่งผลให้การส่งออกของไทยไปจีนชะลอตัวลงบ้าง โดยเฉพาะสินค้าส่งออก ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะผลักดันการส่งออกไปยังตลาดอื่นเพื่อทดแทนแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสของไทยที่จะขยายการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยไปจีน เพื่อทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐฯ รวมทั้งยังมีโอกาสในการส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น จากการที่ประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" ได้ประกาศร่วมมือกับนานาชาติด้านการค้า และตั้งเป้าจะนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศในอีก 15 ปีข้างหน้า เป็นมูลค่าถึง 40 ล้านล้านดอลลาร์ ในงาน China International Import Expo ที่นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อต้นเดือน พ.ย. 2561 ที่ผ่านมา

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว