ญี่ปุ่นให้ 25 ล้านเยน ดันนวัตกรรมอาหาร สร้างมูลค่าส่งออก 1.4 แสนล.ในปี 62

14 พ.ย. 2561 | 09:30 น.
 

กระทรวงอุตสาหกรรม จับมือจังหวัดมิเอะ ของญี่ปุ่น เปิดศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ ในไทย มอบเครื่องจักรแปรรูปอาหารมูลค่า 25 ล้านเยน จากบริษัท SUEHIRO EPM หวังต่อยอดการวิจัยและการทำต้นแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารจากวัตถุดิบของไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ ปีหน้าดันยอดส่งออกอาหารไปญี่ปุ่น 1.4 แสนล้าน

นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ  – ประเทศไทย (Mie – Thailand Innovation Center) ว่าความร่วมมือจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทยในครั้งนี้ เกิดจากการประชุมหารือร่วมกันเมื่อครั้งเดินทางเยือนจังหวัดมิเอะ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นความร่วมมือที่มีการเชื่อมโยงกับท้องถิ่นในลักษณะ Local to Local ที่ได้มีการหารือแนวทางต่อยอดการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีแผนที่จะดำเนินการร่วมกันในอนาคต somkid

โดยในปี 2560 พบว่าญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนอันดับ 1 และมีมูลค่าการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงที่สุดถึง 47%  ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งในด้านการค้าอาหารนั้น ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอาหารอันดับ 4 ของญี่ปุ่น โดยไทยส่งออกอาหารไปญี่ปุ่นสัดส่วน13.3%  ในปี 2560 ทั้ง 2 ประเทศมีมูลค่าการค้าอาหารรวมกัน 145,000 ล้านบาท โดยไทยส่งออกอาหารไปญี่ปุ่นมูลค่า 135,300 ล้านบาท ขณะที่ญี่ปุ่นส่งออกอาหารมาไทย 9,800 ล้านบาท  และคาดว่าสิ้นปี 2561 ไทยจะส่งออกสินค้าอาหารไปญี่ปุ่นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 130,000 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2560

ส่วนในปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัว 8% มูลค่าส่งออกราว 140,000 ล้านบาท โดยสินค้าอาหารที่ไทยส่งออกไปญี่ปุ่น 5 อันดับแรก ได้แก่ ไก่สดและไก่แปรรูป 46% อาหารทะเลสด และแปรรูป 29% (เช่น กุ้งแช่แข็ง ปลาทูน่ากระป๋อง) ผักผลไม้สด และแปรรูป 4% (เช่น มะม่วง กล้วยหอม ทุเรียน ข้าวโพดหวาน สับปะรดกระป๋อง) น้ำตาลทราย 4% ข้าว 3% ส่วนสินค้าอาหารที่ไทยนำเข้าจากญี่ปุ่น 5 อันดับแรก ได้แก่ อาหารทะเลสดแช่เย็นแช่แข็ง 55% (เพื่อแปรรูปในอุตสาหกรรม และใช้บริโภคสด) เครื่องปรุงรส7% (ใช้ในครัวเรือนและร้านอาหาร/โรงแรม) เนื้อวัวสด/แช่เย็น 3% (ส่วนใหญ่ใช้ในร้านอาหาร/โรงแรม) ผลไม้สด 2% และไข่ปลาคาเวียร์ 2% (ส่วนใหญ่ใช้ในร้านอาหาร/โรงแรม) photo01

ปัจจุบันมีบริษัทจากจังหวัดมิเอะถึง 30 บริษัทที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งในอุตสาหกรรมอาหาร เทคโนโลยี เคมีเคิล อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการท่องเที่ยว เป็นต้น คิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท สำหรับสินค้าอาหารที่มีชื่อเสียง ของจังหวัดมิเอะ อาทิ สินค้าของบริษัทYamamori ผู้ผลิตแกงบรรจุถุงรีทอร์ทเพาช์  และแกงก้อน เช่น แกงกะหรี่  และซอสโชยุ ที่คนไทยรู้จักกันดี มีโรงงานสาขาตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ผลิตแกงไทยบรรจุถุงรีทอร์ทเพาช์ ส่งออกไปญี่ปุ่น เช่น แกงเขียวหวาน ปูผัดผงกะหรี่ และแกงเผ็ด เป็นต้น

“ผมมั่นใจว่าศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทย จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างจังหวัดมิเอะกับประเทศไทย ที่จะช่วยยกระดับและพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม และจะเป็นจุดสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศ ที่จะช่วยให้เกิดความร่วมมือที่ขยายวงไปในด้านการค้า การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวระหว่างกันได้ต่อไปในอนาคต”

นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  กล่าวว่าการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทยมีเป้าหมาย “ขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นผู้นำได้ในระดับสากล” มียุทธศาสตร์ที่สำคัญ 3 ด้านดังนี้ 1) ยุทธศาสตร์การแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการแปรรูปอาหาร ได้แบ่งออกเป็น 2 แนวทางคือ แนวการดำเนินงานทางตาม Agenda base ได้มอบหมายให้สถาบันอาหารเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน photo3

โดยจะร่วมกันวิจัยและการทำต้นแบบผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหาร รวมถึงการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างกัน และแนวทางตามพื้นที่ หรือ Area base กระทรวงอุตสาหกรรมได้เน้นกระจายความร่วมมือให้เกิดขึ้นในระดับท้องถิ่นสู่ท้องถิ่น หรือ Local to Local โดยได้กำหนดไว้ 2 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่จังหวัดสงขลา ศูนย์นวัตกรรมฯ จะเชื่อมโยง กับ ศูนย์ ITC 4.0 ของสถาบันอาหาร ที่ตั้งอยู่  ณ จังหวัดสงขลา และพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จะมีการเชื่อมโยงการทำงานศูนย์นวัตกรรมฯ กับการดำเนินงานโครงการ Northern Food Valley โดยจะมีความร่วมมือกับทางจังหวัดมิเอะด้านการพัฒนา Lanna Matsusaka Beef ความร่วมมือในด้าน Medical and Bio-Technology และความร่วมมือเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และวัฒนธรรม

2) ยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากร ในด้านการพัฒนาบุคลากรนี้จะดำเนินการโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในพัฒนาบุคลากรระดับ Leader ในภาคการผลิต โดยจะนำหลักสูตรของ Mie Industry and Enterprise Support Center (MIESC) มาปรับใช้ และ 3) ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ฝ่าย จะเน้นด้านการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ (Business Networking) เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทยจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการสร้างเครือข่ายนี้ด้วย photo9

นายเอเค  ซูซูกิ ผู้ว่าราชการจังหวัดมิเอะ  กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ทางสถาบันอาหารจะได้รับมอบเครื่องจักรสำหรับแปรรูปอาหารจากบริษัท SUEHIRO EPM เป็นเครื่อง Extruder (เครื่องขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ชนิดรีดขึ้นรูป) เป็นเครื่องจักรที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นและมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง  มีประสิทธิภาพในการทำงานที่หลากหลายภายในเครื่องเดียว เช่น การผสม การขึ้นรูป เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นโครงการความร่วมมือทางเทคโนโลยีครั้งแรกในด้านการแปรรูปอาหาร ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างบีโอไอและทางจังหวัดมิเอะ

“การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทย เพื่อแนะนำเทคโนโลยีทางด้านการแปรรูปอาหารของจังหวัดมิเอะให้กับผู้ประกอบการไทย และเพื่อสนับสนุนความร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการจากจังหวัดมิเอะ ซึ่งนอกจากการนำเครื่องจักรแปรรูปอาหารเข้ามาใช้ในการวิจัยการและการทดลองแล้ว ยังได้จัดให้มีสัมมนาแนะนำเทคโนโลยีอาหารแปรรูปของอาหารในจังหวัดมิเอะด้วย การเปิดศูนย์ฯ และการรับมอบเครื่องจักรสำหรับแปรรูปอาหารเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจังหวัดมิเอะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอุตสาหกรรมทั้งของไทยและจังหวัดมิเอะจะเติบโตก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป” e-book-1-503x62-7