ทุ่ม2พันล.ปั้น‘เมก้า สะพานเหล็ก’ พลิกเมอร์รี่คิงส์ เป็นศูนย์ของเล่น

05 มี.ค. 2559 | 09:00 น.
"บวรพงศ์" ทุ่มกว่า 2 พันล้านเทคโอเวอร์เมอรี่คิงส์ วังบูรพาพลิกโฉมเป็น "เมก้า พลาซ่า สะพานเหล็ก" ศูนย์รวมของเล่นและของสะสม คาดโกยรายได้ 120 ล้านบาทพร้อมคืนทุนใน 7-8 ปี ล่าสุดอัดงบกว่า 10 ล้านบาท ลุยสร้างแบรนด์ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ มั่นใจตลาดมีศักยภาพหลังเศรษฐกิจซบแต่ตลาดยังโตสวนกระแส

[caption id="attachment_35216" align="aligncenter" width="349"] วัลลภ กมลวิศิษฎ์  รองกรรมการผู้จัดการบริษัท บวรพงศ์ จำกัด วัลลภ กมลวิศิษฎ์
รองกรรมการผู้จัดการบริษัท บวรพงศ์ จำกัด[/caption]

นายวัลลภ กมลวิศิษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท บวรพงศ์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้า เมก้า พลาซ่า สะพานเหล็ก เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัททุ่มงบกว่า 2 พันล้านบาทในการเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าเมอรี่คิง วังบูรพา พร้อมปรับปรุงให้เป็นศูนย์การค้าเมก้า พลาซ่า สะพานเหล็ก ศูนย์ของเล่นของสะสมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย บนพื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน 17.9 ตารางวา มีพื้นที่ขายราว 1.2 หมื่นตารางเมตร ความสูง 6 ชั้น มีร้านค้ารวม 800 ร้าน พร้อมเปิดให้บริการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ 120 ล้านบาทในปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้คืนทุนได้ภายในระยะเวลา 7-8 ปี

"เมก้า พลาซ่า สะพานเหล็ก ตั้งอยู่ตรงสี่แยกสะพานเหล็กเดิม ตรงข้ามไชนาเวิลด์ ถนนมหาไชย แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร ถือเป็นทำเลที่ดีและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในย่านนั้นเป็นอย่างดี โดยมีลูกค้าเก่าแก่ที่มาใช้บริการจับจ่ายซื้อสินค้าจำพวกของเล่น ของสะสม แผ่นเกมส์ ฯลฯ ในย่านสะพานเหล็กเป็นอย่างมาก"

ทั้งนี้ร้านค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาเปิดให้บริการมีทั้งร้านค้าเก่าและร้านค้าในบริเวณใกล้เคียงกันราว 600 ร้านค้า ส่วนที่เหลือเป็นร้านค้าใหม่ ซึ่งจะมีสัญญาเช่า 1-3 ปี มีกลุ่มเป้าหมายหลัก ตั้งแต่เด็ก-ผู้ใหญ่ที่สนใจสินค้าประเภทของเล่น ของสะสม และโมเดลหุ่นยนต์ นอกจากนี้ยังมีกล้องถ่ายรูป, อุปกรณ์การถ่ายภาพต่างๆ, เสื้อผ้าแฟชั่น, จิวเวลรี่ เป็นต้นด้านกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทเตรียมใช้งบประมาณราว 10 ล้านบาทในการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทั่วไป โดยเน้นการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งบิลบอร์ด สื่อป้ายโฆษณา LED ใต้ทางด่วน วิทยุ หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ต่างๆ เพิ่มเติม โดยปัจจุบันเมก้าฯ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยในวันธรรมดาประมาณ 3 หมื่นคนต่อวัน และวันหยุดหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ 5 หมื่นคนต่อวัน

"ตลาดของเล่นเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีผู้ซื้อต่อเนื่อง โดยสังเกตได้จากในช่วงที่ผ่านมาแม้สภาพเศรษฐกิจจะไม่ดีมากนัก แต่ตลาดของเล่นยังเติบโต เนื่องจากตลาดของเล่นเป็นตลาดที่มีนักสะสมจำนวนมากและเป็นกิจกรรมอดิเรกที่ผู้ชายและผู้หญิงสามารถซื้อเก็บไว้ได้ ดังนั้นเชื่อว่าไม่ว่าจะสภาพเศรษฐกิจในประเทศจะเป็นอย่างไร ตลาดของเล่นจะยังคงเติบโตได้ดี"
ขณะที่ภาพรวมของการแข่งขันเชื่อว่าจะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากเป็นศูนย์การค้าที่เป็นศูนย์รวมของเล่นและของสะสม ถือเป็นนิชมาร์เก็ต ลูกค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าเดิมและคุ้นเคยกับพ่อค้าและแม่ค้าเป็นอย่างดี ขณะที่สินค้าในแต่ละร้านจะมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้ในอนาคตหลังเปิดให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน เชื่อจะช่วยกระตุ้นและดึงดูดให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเพราะสะดวกในการเดินทางและการขนส่งสินค้าด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,136 วันที่ 3 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2559