Ford Mustang ม้าป่าเจ้าพลังขายความดังชูความดิบ
สร้างความตื่นเต้นฮือฮาให้กับตลาดทั่วโลก หลังฟอร์ดตัดสินใจผลิต “มัสแตง” เพื่อขายนอกสหรัฐ อเมริกาเป็นครั้งแรกเมื่อ3 ปีก่อน
งานนี้เกรย์มาร์เก็ตเมืองไทยไม่รอช้า สรรหารถพวงมาลัยขวานำเข้ามาทำตลาดจนได้ ซึ่งหลายเจ้าขายดีขายได้นะครับ สำหรับสปอร์ตคาร์ที่เป็นแบรนด์ไอคอนของฟอร์ด
ด้วยนโยบายระดับโลกของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ในการเปิดแนวรบใหม่ที่ไม่จำกัดเพียงรุ่นพวงมาลัยซ้ายและขายในบ้านเกิด ดังนั้นการทำตลาดมัสแตงในประเทศที่เหมาะสม โดยบริษัทแม่ หรือผ่านดีลเลอร์อย่างเป็นทางการในไทยจึงเกิดขึ้นกับ มัสแตง เจเนอเรชันที่ 6 เวอร์ชันที่เพิ่งไมเนอร์เชนจ์ (เปิดตัวตลาดโลกปี 2017)
ประเทศในย่านนี้ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มี “มัสแตง” ขายกันทั้งหมดละครับ ส่วนเมืองไทยที่เป็นตลาดของปิกอัพ และเหมือนฟอร์ดจะลดบทบาทในกลุ่มรถยนต์นั่งลงไป แต่ถ้าเป็นม้าป่าคะนองศึกรุ่นนี้ ถือเป็นข้อยกเว้น
แม้ยอดขายต่อปีจะไม่เยอะ แต่รถแบบนี้กำไรต่อคันสูง และถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปในตัว
การทำตลาดในไทยแบ่งเป็น 2 ทางเลือกเครื่องยนต์คือ เบนซิน 4 สูบ 2.3 ลิตร เทอร์โบ(อีโคบูสต์) 300 แรงม้า ราคา 3.599 ล้านบาท และรุ่น วี8 ขนาด 5.0 ลิตร 460 แรงม้า ไร้เทอร์โบ ราคา 4.799 ล้านบาท
ผมเลือกรุ่น วี8 มาลองขับอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะคลางแคลงใจในค่านํ้ามันที่ต้องเติมอยู่บ้าง แต่หลังจากอยู่ด้วยกัน 4 วัน ใช้วิ่งทางไกลไปพัทยา และขับขี่ในเมือง พบว่าอัตราบริโภค นํ้ามันไม่ได้โหดอย่างที่คิด
จะว่าไปเครื่องยนต์วี8 ขนาด 5.0 ลิตร เป็นบล็อกที่อนุรักษนิยมนานเกินไปแล้วละครับ (ถ้าตลาดสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คืออเมริกานั่นแหละ) เพราะหลายค่ายรถยนต์หันมาใช้เทคนิคดาวน์ไซซิง ลดขนาดเครื่องยนต์แล้วรีดพลังด้วยเทอร์โบแทน เพื่อรักษากำลังสูงๆ สมรรถนะตามต้องการ แต่ได้ข้อดีเรื่องปล่อยมลพิษไอเสียตํ่า สอดคล้องกับกฎหมายรักษาสิ่งแวดล้อมอันเข้มงวดของหลายประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ขุมพลังแบบวี8 ขนาด 5.0 ลิตร ที่ไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ เรี่ยวแรง 460 แรงม้า ที่ประจำการอยู่ในมัสแตงพยายามพัฒนาไปให้สุดทาง ทั้งเรื่องสมรรถนะและความประหยัด เช่นการใช้บล็อกอะลูมิเนียมเพื่อลดนํ้าหนัก การใช้ระบบหัวฉีดคู่ ที่หัวหนึ่งจะฉีดจ่ายนํ้ามันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ และอีก 1 หัว ฉีดในท่อไอดีตามปกติ พร้อมด้วยระบบวาล์วแปรผัน และการใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดมาสนับสนุน
ในเรื่องพละกำลังนั้นแรงหายห่วง แค่ขับในโหมด Normal ก็เหมือนควบม้า รถพร้อมดีด รอ
กระโจนตลอดเวลาขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้แค่ 4.3 วินาที
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน ช่วงขับบนมอเตอร์เวย์ผมลองจากถนนศรีนครินทร์ไปบางแสน จ.ชลบุรี ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร วิ่งใช้ความเร็ว 100-120 กม./ชม. เป็นหลัก(มีช่วงที่ใช้ความเร็วตํ่ากว่านี้และสูงกว่านี้ตามสภาพการจราจร) สุดท้ายเห็นตัวเลข 12.9 กม./ลิตร
นั่นเท่ากับว่าเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ขนาดนี้พอลอยลมใช้ความเร็วนิ่งๆ ไม่เร่งหวือหวาก็ประหยัด ใช้ได้ แต่นั่นละครับถ้าขับในเมืองรถติดๆ หรือเคลื่อนตัวได้ช้า อย่างไรก็ต้องมีเลขตัวเดียว
ฟอร์ด มัสแตง มีโหมดการขับขี่ Normal, Sport+, Snow-Wet, Track, Drag Strip และเลือกเองได้แบบ My Mode
โดยโหมด Track และDrag Strip ฟอร์ดแนะนำให้ใช้บนสนามแข่งจะเหมาะสมกว่า เพราะระบบควบคุมการทรงตัวและเทรกชันคอนโทรลจะงัวเงียขี้เกียจทำงาน เพื่อปล่อยให้คุณสัมผัสอาการท้ายปัด หรือการออกตัวแบบล้อหมุนฟรีได้บ้าง
ส่วนโหมด Sport+ จะปรับการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ เพื่อให้รถตอบสนองการขับขี่ได้เร็วขึ้น พร้อมๆกับความหนักหน่วงเฉียบคมของพวงมาลัย และเสียงท่อไอเสียที่เร้าใจ
ขณะที่ชุดท่อไอเสีย Active Valve Performance Exhaust คนขับสามารถเลือกปรับความดังได้ตามใจชอบ ทั้งแบบเงียบๆ หรือดังๆ (Quiet,Normal,Sport,Track) และตั้งเวลาล่วงหน้าในโหมด Quiet Start กรณีสตาร์ตเครื่องยนต์ตอนเช้าๆ หรือไปใช้ในบางสถานี จะได้ไม่รบกวนผู้อื่น
มัสแตงถือเป็นราชาทางตรง แรงเต็มพิกัด ซัดได้เต็มเหยี่ยว ขณะเดียวกันสปอร์ตคูเป้เครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นนี้ ยังมาพร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ตสลิป แบ่งกำลังสู่ล้อคู่หลังซ้าย-ขวาให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ หวังให้รถเฉียบคมในโค้ง มั่นใจและไปได้เร็วขึ้น
ส่วนการลองขับของผมช่วงเข้าโค้งหนักๆ รู้สึกว่ายังต้องใช้ฝีมือในการควบคุมอยู่พอสมควร
รวบรัดตัดความ...ด้วยสมรรถนะการขับขี่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งช่วงล่าง การควบคุม และพลังจากเครื่องยนต์วี8 ไร้ระบบอัดอากาศ เหมือนจะไม่เนี้ยบเนียนแบบสปอร์ตคาร์จากเยอรมนี แต่ “มัสแตง” ยืนยันความดิบ โหดให้สุดในสไตล์ของตนเอง พร้อมเพิ่มเติมเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ผมเชื่อว่าคนที่รักชอบมัสแตง คงชื่นชมในชื่อเสียง อยากจะซื้อตำนานที่เป็นมรดกสไตล์อเมริกันนี่ละครับ
โดย กรกิต กสิคุณ
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,418 วันที่ 15 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
งานนี้เกรย์มาร์เก็ตเมืองไทยไม่รอช้า สรรหารถพวงมาลัยขวานำเข้ามาทำตลาดจนได้ ซึ่งหลายเจ้าขายดีขายได้นะครับ สำหรับสปอร์ตคาร์ที่เป็นแบรนด์ไอคอนของฟอร์ด
ด้วยนโยบายระดับโลกของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ในการเปิดแนวรบใหม่ที่ไม่จำกัดเพียงรุ่นพวงมาลัยซ้ายและขายในบ้านเกิด ดังนั้นการทำตลาดมัสแตงในประเทศที่เหมาะสม โดยบริษัทแม่ หรือผ่านดีลเลอร์อย่างเป็นทางการในไทยจึงเกิดขึ้นกับ มัสแตง เจเนอเรชันที่ 6 เวอร์ชันที่เพิ่งไมเนอร์เชนจ์ (เปิดตัวตลาดโลกปี 2017)
ประเทศในย่านนี้ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มี “มัสแตง” ขายกันทั้งหมดละครับ ส่วนเมืองไทยที่เป็นตลาดของปิกอัพ และเหมือนฟอร์ดจะลดบทบาทในกลุ่มรถยนต์นั่งลงไป แต่ถ้าเป็นม้าป่าคะนองศึกรุ่นนี้ ถือเป็นข้อยกเว้น
แม้ยอดขายต่อปีจะไม่เยอะ แต่รถแบบนี้กำไรต่อคันสูง และถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปในตัว
การทำตลาดในไทยแบ่งเป็น 2 ทางเลือกเครื่องยนต์คือ เบนซิน 4 สูบ 2.3 ลิตร เทอร์โบ(อีโคบูสต์) 300 แรงม้า ราคา 3.599 ล้านบาท และรุ่น วี8 ขนาด 5.0 ลิตร 460 แรงม้า ไร้เทอร์โบ ราคา 4.799 ล้านบาท
ผมเลือกรุ่น วี8 มาลองขับอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะคลางแคลงใจในค่านํ้ามันที่ต้องเติมอยู่บ้าง แต่หลังจากอยู่ด้วยกัน 4 วัน ใช้วิ่งทางไกลไปพัทยา และขับขี่ในเมือง พบว่าอัตราบริโภค นํ้ามันไม่ได้โหดอย่างที่คิด
จะว่าไปเครื่องยนต์วี8 ขนาด 5.0 ลิตร เป็นบล็อกที่อนุรักษนิยมนานเกินไปแล้วละครับ (ถ้าตลาดสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คืออเมริกานั่นแหละ) เพราะหลายค่ายรถยนต์หันมาใช้เทคนิคดาวน์ไซซิง ลดขนาดเครื่องยนต์แล้วรีดพลังด้วยเทอร์โบแทน เพื่อรักษากำลังสูงๆ สมรรถนะตามต้องการ แต่ได้ข้อดีเรื่องปล่อยมลพิษไอเสียตํ่า สอดคล้องกับกฎหมายรักษาสิ่งแวดล้อมอันเข้มงวดของหลายประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ขุมพลังแบบวี8 ขนาด 5.0 ลิตร ที่ไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ เรี่ยวแรง 460 แรงม้า ที่ประจำการอยู่ในมัสแตงพยายามพัฒนาไปให้สุดทาง ทั้งเรื่องสมรรถนะและความประหยัด เช่นการใช้บล็อกอะลูมิเนียมเพื่อลดนํ้าหนัก การใช้ระบบหัวฉีดคู่ ที่หัวหนึ่งจะฉีดจ่ายนํ้ามันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ และอีก 1 หัว ฉีดในท่อไอดีตามปกติ พร้อมด้วยระบบวาล์วแปรผัน และการใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดมาสนับสนุน
ในเรื่องพละกำลังนั้นแรงหายห่วง แค่ขับในโหมด Normal ก็เหมือนควบม้า รถพร้อมดีด รอ
กระโจนตลอดเวลาขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้แค่ 4.3 วินาที
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน ช่วงขับบนมอเตอร์เวย์ผมลองจากถนนศรีนครินทร์ไปบางแสน จ.ชลบุรี ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร วิ่งใช้ความเร็ว 100-120 กม./ชม. เป็นหลัก(มีช่วงที่ใช้ความเร็วตํ่ากว่านี้และสูงกว่านี้ตามสภาพการจราจร) สุดท้ายเห็นตัวเลข 12.9 กม./ลิตร
นั่นเท่ากับว่าเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ขนาดนี้พอลอยลมใช้ความเร็วนิ่งๆ ไม่เร่งหวือหวาก็ประหยัด ใช้ได้ แต่นั่นละครับถ้าขับในเมืองรถติดๆ หรือเคลื่อนตัวได้ช้า อย่างไรก็ต้องมีเลขตัวเดียว
ฟอร์ด มัสแตง มีโหมดการขับขี่ Normal, Sport+, Snow-Wet, Track, Drag Strip และเลือกเองได้แบบ My Mode
โดยโหมด Track และDrag Strip ฟอร์ดแนะนำให้ใช้บนสนามแข่งจะเหมาะสมกว่า เพราะระบบควบคุมการทรงตัวและเทรกชันคอนโทรลจะงัวเงียขี้เกียจทำงาน เพื่อปล่อยให้คุณสัมผัสอาการท้ายปัด หรือการออกตัวแบบล้อหมุนฟรีได้บ้าง
ส่วนโหมด Sport+ จะปรับการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ เพื่อให้รถตอบสนองการขับขี่ได้เร็วขึ้น พร้อมๆกับความหนักหน่วงเฉียบคมของพวงมาลัย และเสียงท่อไอเสียที่เร้าใจ
ขณะที่ชุดท่อไอเสีย Active Valve Performance Exhaust คนขับสามารถเลือกปรับความดังได้ตามใจชอบ ทั้งแบบเงียบๆ หรือดังๆ (Quiet,Normal,Sport,Track) และตั้งเวลาล่วงหน้าในโหมด Quiet Start กรณีสตาร์ตเครื่องยนต์ตอนเช้าๆ หรือไปใช้ในบางสถานี จะได้ไม่รบกวนผู้อื่น
มัสแตงถือเป็นราชาทางตรง แรงเต็มพิกัด ซัดได้เต็มเหยี่ยว ขณะเดียวกันสปอร์ตคูเป้เครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นนี้ ยังมาพร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ตสลิป แบ่งกำลังสู่ล้อคู่หลังซ้าย-ขวาให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ หวังให้รถเฉียบคมในโค้ง มั่นใจและไปได้เร็วขึ้น
ส่วนการลองขับของผมช่วงเข้าโค้งหนักๆ รู้สึกว่ายังต้องใช้ฝีมือในการควบคุมอยู่พอสมควร
รวบรัดตัดความ...ด้วยสมรรถนะการขับขี่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งช่วงล่าง การควบคุม และพลังจากเครื่องยนต์วี8 ไร้ระบบอัดอากาศ เหมือนจะไม่เนี้ยบเนียนแบบสปอร์ตคาร์จากเยอรมนี แต่ “มัสแตง” ยืนยันความดิบ โหดให้สุดในสไตล์ของตนเอง พร้อมเพิ่มเติมเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ผมเชื่อว่าคนที่รักชอบมัสแตง คงชื่นชมในชื่อเสียง อยากจะซื้อตำนานที่เป็นมรดกสไตล์อเมริกันนี่ละครับ
โดย กรกิต กสิคุณ
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,418 วันที่ 15 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
