บอร์ด กยท. ลุ้น 'กฤษฎา' สั่งสอบร่วม 5 บิ๊กยาง ตั้งบริษัทร่วมทุนแล้วบริหารงานล้มเหลว ฉุดราคายางตกตํ่าซํ้าซากรอบกว่า 10 ปี ผวาถูกลงโทษและชดใช้ค่าเสียหาย 200 ล้าน ขีดเส้น 30 วัน ทราบผล ขณะ 'กฤษฎา' ลั่น! ปิดประตู 'เซี่ยงไฮ้ฯ' เช่าสวนยาง 2 หมื่นไร่
จากนโยบาย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ปัจจุบันรองนายกรัฐมนตรี) ได้สั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จัดตั้ง บริษัท ร่วมทุนยางพารา จำกัด ร่วมกับ 5 บริษัทผู้ค้ายางพาราใหญ่ ได้แก่ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (บมจ.), บริษัท เซาท์แลนด์รับเบอร์ จำกัด (บมจ.), บมจ.ไทยฮั้วยางพารา, บจก.วงศ์บัณฑิต และบมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น ทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท แต่มีการบริหารงานที่ล้มเหลว ขาดทุน ส่อทุจริต จึงเป็นที่มาของ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คนล่าสุด) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบบริษัทร่วมทุนดังกล่าว ว่า การร่วมทุนนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
นายสาย อิ่นคำ กรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.) เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ที่ผ่านมาในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กยท. แต่ละครั้ง ทางฝ่ายผู้แทนเกษตรกรไม่มีใครเห็นด้วยเลยที่จะให้ กยท. ไปลงทุนร่วมกับ 5 บริษัท ในนาม บจก.ร่วมทุนยางพารา แต่ก็แพ้เสียงข้างมาก ทำให้บริษัทดังกล่าวนี้เกิดขึ้น และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการไล่ช้อนซื้อยางพาราในตลาดต่าง ๆ เพื่อดันราคาขึ้น แต่ก็ไม่ได้ผล เกิดเป็นข้อครหาซื้อเอื้อพวกกลุ่มเดียวกัน ชาวสวนรายอื่นไม่ได้ประโยชน์เลย จึงทำให้ราคายางตกตํ่าในรอบกว่า 10 ปี จากผลงานดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน หากพบมีการทุจริต อาจจะมีความผิดต้องให้ชดใช้ค่าเสียหายคล้ายคดีจำนำข้าวที่บริหารงานล้มเหลว อาทิ เงินที่ กยท. นำไปร่วมลงทุน 200 ล้านบาท บอร์ดมีกี่คน ก็นำเงินมาเฉลี่ยคืน ใครไม่มีก็ยึดทรัพย์ หรือ ติดคุก เป็นต้น
ด้าน นายเสนีย์ จิตตเกษม กรรมการ กยท. ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบบริษัทร่วมทุนยางพารา กล่าวว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน โดยการร่วมทุนมี 3 ประเด็น ที่ต้องตรวจสอบ คือ 1.เป็นการรักษาเสถียรภาพราคายางหรือไม่ และช่วยกระตุ้นราคายางในตลาดได้จริงหรือไม่ อย่างไร 2.แต่ละบริษัทที่นำเงินมาร่วมทุน (รายละ 200 ล้านบาท) จ่ายครบถ้วนหรือไม่อย่างไร 3.นำเงินลงทุนไปซื้อยางที่ไหน และปัจจุบัน 5.ยางเหลือเท่าไร เก็บไว้ที่ไหน โดยจะตรวจสอบจากพยานบุคคลและพยานเอกสาร ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวม คาดจะเสร็จสิ้นภายใน 30 วัน (ณ วันที่ 12 พ.ย. 61 ยังเหลือเวลาตรวจสอบอีกกว่า 20 วัน)
"ในการตั้งบริษัทได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากบอร์ด แต่ยังไม่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะสามารถขอความเห็นชอบในภายหลังได้หรือไม่ กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ข้อมูลทั้งหมดจะรวบรวมส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาชี้ขาดว่า ใครมีความผิดในขั้นตอนไหน อย่างไร และมีบทลงโทษหรือไม่ อย่างไร"
นายนพดล กีรติกรพิสุทธิ์ นายอำเภอทุ่งใหญ่ ในฐานะประธานอนุกรรมการกลั่นกรองผู้เข้าทำประโยชน์ที่ดิน 4,600 ไร่ ของป่ากรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของกรมป่าไม้ เป็นนโยบายของจังหวัดที่จะนำที่ดินมาจัดสรรในการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอ่างเก็บนํ้าคลองสังข์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีทั้งหมด 400 ครัวเรือน จะนำมาจัดสรรทั้งหมดหรือไม่ ต้องกลั่นกรองใหม่ทั้งหมด ส่วนลูกจ้าง กยท. ที่อยู่ในที่ดิน ทางจังหวัดก็คงจะมีมาตรการเยียวยาต่อไป ทางคณะไม่ทราบรายละเอียด
"ฐานเศรษฐกิจ" สอบถาม นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในเรื่องดังกล่าว ได้รับคำตอบสั้น ๆ ว่า ได้เห็นชอบให้ประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอ่างเก็บนํ้าฯ ให้จังหวัดไปจัดสรรที่ดินแล้ว ส่วนพื้นที่ติดกัน ที่ บจก.
"เซี่ยงไฮ้ ไทย รับเบอร์ โปรดักส์" จะมาขอเช่าพื้นที่สวนยาง 2 หมื่นไร่ เพื่อลงทุนอุตสาหกรรมต่อเนื่องนั้น ไม่มีนโยบายให้เช่าเด็ดขาด
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,418 วันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2561