ผลการเลือกตั้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดฉากหยั่งเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งแรกของพรรค และครั้งแรกของพรรคการเมืองไทย ออกมาไม่ผิดความคาดหมายของคนดู ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังคงรักษาเก้าอี้ได้อย่างเดิม คะแนนที่ออกมาว่า อภิสิทธิ์ ได้อันดับ 1 ที่ 67,505 เสียง หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ได้ 57,689 และ อลงกรณ์ พลบุตร มี 2,285 เสียง หาใช่สิ่งสำคัญไม่ เพราะเป็นการหยั่งเสียงที่มีผู้มาใช้สิทธิ์เพียง 127,484 เสียง คิดเป็นเพียง 16% ของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน
พรรคที่ใช้มุกเลือกหัวหน้าพรรค โฆษณาความเป็นประชาธิปไตยมาตลอด 1 เดือน (นับแต่วันที่ประกาศหยั่งเสียง 8 ต.ค.61) แต่มีผู้สนใจในสมาชิกพรรคเข้าร่วมเพียง 16% การจัดหยั่งเสียงทั้งหมดที่ออกมา เครื่องเสียบ้าง หรือการสร้างข่าวให้ดูน่าตื่นเต้น เป็นเพียงการมุ่งหวังหาเสียงในศึกเลือกตั้งใหญ่เท่านั้น หาใช่สาระในการเลือกหัวหน้าพรรคไม่
ตรงกันข้ามสิ่งที่น่าละอายสำหรับลูกพระแม่ธรณีบีบมวยผม คือการมีส่วนร่วมอันน้อยนิด จะเป็นความภูมิใจของชาวประชาธิปัตย์ที่พยายามโฆษณามาตลอดได้หรือว่า นี่คือ
“ความสำเร็จ” ในการหยั่งเสียง น่าจะเรียกว่า
“ความล้มเหลว” เสียด้วยซ้ำ ที่ไม่สามารถปลุกสมาชิกพรรคมามีส่วนร่วมในการลงคะแนน และอย่างนี้จะหวังว่าจะปลุกกระแสให้ประชาชนทั้งประเทศ ออกมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคอันดับหนึ่ง ที่มีชัยในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ยังไม่เห็นหนทาง
มาดูคู่ต่อสู้ 2 คนที่ไม่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคได้อะไร สำหรับหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม แม้ไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่จากกระบวนการสมัครและได้รับการหยั่งเสียงไล่ตาม อภิสิทธิ์ ชนิดเห็นหลังกันไวๆ ชื่อชั้นจะถูกยกระดับขึ้นมาทันที จากแถว 2 ของพรรคที่ไม่เคยมีบทบาทในการบริหารของพรรคและรัฐบาล มีเพียงบทบาทในการอภิปราย ต่อไปนี้ก็จะมีชื่อในบทบาทการบริหารมากขึ้น และง่ายต่อการลงสมัครส.ส.พิษณุโลก เพราะได้หาเสียงก่อนใครมาระยะหนึ่งแล้ว
ส่วน อลงกรณ์ พลบุตร คะแนนตามหลังแบบไม่เห็นฝุ่น เพราะลงสมัครแต่ไม่ได้ออกอาวุธ เดินสายหาคะแนนเหมือนใครเขา จึงถูกเมาธ์กันว่า การสมัครเข้าแข่งขันครั้งนี้ เป็นเพียงกระบวนท่า
“ขอกลับเข้าพรรคแบบเนียน ๆ” เพราะก่อนหน้านี้ได้ลาออกไปร่วมกับแม่น้ำ 5 สายของ ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก็เท่านั้น คนในประชาธิปัตย์ มีกระบวนท่าทางการเมืองที่พลิกแพลงได้เสมอ
อย่างที่เคยบอกไว้ในพื้นที่นี้ เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนี้หาใช่ของจริง แต่การเลือกหัวหน้าพรรคที่แท้จริงจะเกิดขึ้นหลังศึกเลือกตั้งใหม่ เพราะครั้งนี้เป็นการให้โอกาส อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครั้งสุดท้ายในการนำทัพทำศึกเลือกตั้ง หากพ่ายแพ้กลับมาอีก เป็นครั้งที่ 3 ก็ต้องหลีกทางให้คนอื่นนำทัพ ถึงตอนนั้นคู่ชิงที่แท้จริงจะปรากฏตัว และชื่อที่รู้กันในพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม คือ
“กรณ์ จาติกวณิช-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” จะเป็นคู่ชิงตัวจริง เสียงจริง
| คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ
| โดย : เอราวัณ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3418 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 15-17 พ.ย.2561