Play
ธอส. ปลื้ม! 9 เดือน หนุนผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเฉียด 4 หมื่นราย
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ธอส. เผย 9 เดือนแรกปี 61 ปล่อยสินเชื่อได้ถึง 161,758 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ถึง 79,337 ราย
ธนาคารอาคารสงเคราะห์เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 ยังคงบทบาทการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่สร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านและขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 161,758 ล้านบาท 131,748 บัญชี เพิ่มขึ้น 36.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นสินเชื่อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 79,337 ราย สินเชื่อคงค้างรวม 1,096,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.15% จากสิ้นปี 2560 ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ระดับ 4.40% ของยอดสินเชื่อรวม คาดสิ้นปี 2561 ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่จะสูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งกำหนดไว้ที่ 189,000 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 161,758 ล้านบาท 131,748 บัญชี เพิ่มขึ้น 36.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถเพิ่มโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 79,337 ราย ส่งผลให้มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,096,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.15% จากสิ้นปี 2560
ด้านสินทรัพย์รวม 1,141,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.47% เงินฝากรวม 917,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.90% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 48,211 ล้านบาท คิดเป็น 4.40% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงเล็กน้อยจาก 4.41% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลจากการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าให้กลับมามีสถานะปกติ เพื่อให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ต่อไป และมีกำไรสุทธิ 9,645 ล้านบาท ขณะที่ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 13.87% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 8.50%
"สินเชื่อใหม่ในวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีถึง 79,337 ราย เพิ่มขึ้น 19.75% สะท้อนให้เห็นว่า ธอส. มีบทบาทส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงภายใต้มาตรฐานสินเชื่อที่เหมาะสม โดยไม่ส่งเสริมให้ประชาชนก่อหนี้เกินความจำเป็น เพราะอาจมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าได้ในอนาคต และมั่นใจว่า สิ้นปีจะสามารถปล่อยสินเชื่อสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 1.89 แสนล้านบาท เพราะท้ายปีจะมีแรงกระตุ้นกำลังซื้อจากผู้ประกอบการที่ทำโปรโมชันพิเศษ เพื่อเร่งปิดยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย" นายฉัตรชัย กล่าว
ธนาคารอาคารสงเคราะห์เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 ยังคงบทบาทการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่สร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านและขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 161,758 ล้านบาท 131,748 บัญชี เพิ่มขึ้น 36.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นสินเชื่อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 79,337 ราย สินเชื่อคงค้างรวม 1,096,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.15% จากสิ้นปี 2560 ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ระดับ 4.40% ของยอดสินเชื่อรวม คาดสิ้นปี 2561 ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่จะสูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งกำหนดไว้ที่ 189,000 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 161,758 ล้านบาท 131,748 บัญชี เพิ่มขึ้น 36.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถเพิ่มโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 79,337 ราย ส่งผลให้มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,096,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.15% จากสิ้นปี 2560
ด้านสินทรัพย์รวม 1,141,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.47% เงินฝากรวม 917,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.90% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 48,211 ล้านบาท คิดเป็น 4.40% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงเล็กน้อยจาก 4.41% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลจากการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าให้กลับมามีสถานะปกติ เพื่อให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ต่อไป และมีกำไรสุทธิ 9,645 ล้านบาท ขณะที่ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 13.87% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 8.50%
"สินเชื่อใหม่ในวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีถึง 79,337 ราย เพิ่มขึ้น 19.75% สะท้อนให้เห็นว่า ธอส. มีบทบาทส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงภายใต้มาตรฐานสินเชื่อที่เหมาะสม โดยไม่ส่งเสริมให้ประชาชนก่อหนี้เกินความจำเป็น เพราะอาจมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าได้ในอนาคต และมั่นใจว่า สิ้นปีจะสามารถปล่อยสินเชื่อสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 1.89 แสนล้านบาท เพราะท้ายปีจะมีแรงกระตุ้นกำลังซื้อจากผู้ประกอบการที่ทำโปรโมชันพิเศษ เพื่อเร่งปิดยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย" นายฉัตรชัย กล่าว
