'หมอบุญ' แนะรัฐให้ความสำคัญกับการคุณภาพชีวิตวัยเกษียณ

12 พ.ย. 2561 | 09:53 น.
สถาบันคีนันแห่งเอเชีย จัดงานประชุมนานาชาติ "Next Gen Aging – Shaping a Smart Future for an Aging Society" ระดมสมองกูรู รับมือสังคมผู้สูงวัย "หมอบุญ วนาสิน" แนะรัฐต้องให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพในวัยเกษียณมากกว่าการรักษา

ไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลกที่กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยมีจำนวนผู้สูงอายุมากถึง 11.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 16.9% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ในขณะที่ อัตราการเกิดกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสภาพสังคมโดยรวม เพื่อหาแนวทางรับมือกับประเด็นดังกล่าว รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจถึงบทบาทของเทคโนโลยีที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ


ภาพประกอบข่าว Nextgen Aging (1)

ภายในงานมีการเสวนาในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุ และมีวิทยากรรับเชิญจากหลากหลายองค์กรเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ในแง่มุมองค์กรด้านการแพทย์ นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย รองจากประเทศจีน ในขณะที่ การเตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุของทั้งภาครัฐและเอกชนมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยมีผู้สูงอายุเพียง 5% เท่านั้น ที่สามารถดูแลตนเองได้ แต่มีจำนวนผู้สูงอายุถึง 1 ใน 3 ที่ยังเป็นหนี้ และสืบเนื่องจากค่านิยมการย้ายเข้าเมืองของคนวัยทำงาน ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงต้องอาศัยอยู่ลำพัง ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและโรคเรื้อรังต่าง ๆ ดังนั้น การเตรียมตนเองให้พร้อมรับมือกับวัยชราจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาวและเป็นสุข

การรับมือด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุนั้น ควรครอบคลุมทั้งแนวทางการป้องกัน เช่น การออกกำลังกาย เลือกทานอาหารสุขภาพ และสร้างวินัยการออม และแนวทางการรักษา เช่น การใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจและรักษาโรค และสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลพิเศษ โดย น.พ.บุญ เน้นย้ำว่า เทคโนโลยี AI รวมไปถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต และเชื่อว่า ในเวลาอีกไม่กี่ปี กว่า 60% ของการเจ็บป่วย จะสามารถรักษาได้ที่บ้าน ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึงโรงพยาบาล แต่ใช้เทคโนโลยี AI ดำเนินการตรวจอาการและประเมินผลต่าง ๆ ได้ทันที

ภาครัฐควรส่งเสริมนโยบายสาธารณสุขและการดำรงชีวิตสำหรับผู้สูงอายุมากกว่ามุ่งเน้นเพียงแค่การรักษาโรคร้ายแรง ทางด้านภาคเอกชนควรหันมาให้ความสนใจกับกลุ่มผู้บริโภควัยหลังเกษียณกันมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่กำลังเปลี่ยนไป ทั้งยังเป็นการช่วยลดภาระภาครัฐในการหาทางออกให้กับความท้าทายนี้อีกด้วย


ภาพประกอบข่าว Nextgen Aging (5)

ในส่วนของการเสวนาหัวข้อสุขภาพดีและมีสุข ดร.เอมอร โคพีร่า Chief Medical Officer โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เผยว่า ปัญหาหลักที่มักจะมาพร้อมอายุที่มากขึ้น ได้แก่ การขาดสารอาหาร ความเสื่อมถอยของสุขภาพกายและสุขภาพจิต กระบวนการเรียนรู้ช้าลง ความสามารถในการเข้าถึงบริการหรือโอกาสต่าง ๆ ลดลง และปัญหาทางการเงิน

นิตยสาร Time ปี 2015 ซึ่งใช้ภาพเด็กทารกเป็นปกหน้า พร้อมข้อความ "เด็กคนนี้อาจมีอายุยืนถึง 142 ปี" แม้จะเป็นประโยคที่ดูเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน แต่ด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้อายุขัยเฉลี่ยของคนเราเพิ่มขึ้นถึง 5 ชั่วโมงต่อวัน โดยเฉพาะนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตรวจรักษาโรคได้ตั้งแต่ก่อนที่จะแสดงอาการ หรือ ในช่วงแรกเริ่ม จึงจัดการกับการเจ็บป่วยได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาวยิ่งขึ้น

ดร.เอมอร สรุปการเสวนาว่า โลกเรากำลังเข้าสู่การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการมีอายุยืนยาว และการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สามารถสร้างสภาพแวดล้อมและสร้างโอกาสให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างยืนยาวและเป็นสุข โดยไม่ถูกจำกัดด้วยความเสื่อมถอยตามอายุ (an Age of Agelessness)

e-book-1-503x62-7