กรมเจรจาฯ จัดสัมมนา หวังเพิ่มโอกาสการค้า "ไทย-ยูเรเซีย"
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมจัดสัมนาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือภายใต้บันทึกความร่วมมือระหว่างไทยกับยูเรเซีย ชี้! เป็นการสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินการจัดการสัมมนา เรื่อง "ไทย-ยูเรเซีย : รุกหน้ากระชับความสัมพันธ์มิติใหม่" เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือภายใต้บันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Memorandum of Cooperation between the Government of Kingdom of Thailand and the Eurasian Economic Commission : MoC)
สำหรับการจัดสัมนาครั้งดังกล่าวนี้ เป็นการชี้ให้เห็นโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่าง 5 ประเทศ ได้แก่ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐเบลารุส สาธารณรัฐอาร์เมเนีย และสาธารณรัฐคีร์กิซ มีประชากรรวมกันกว่า 180 ล้านคน รายได้ประชาชาติ (GDP) กว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2560 มีมูลค่าการค้ากับไทย 3,318 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 58.91% ถือเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและทวีความสำคัญต่อไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ การจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซียครั้งนี้ จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะเปิดโอกาสให้ 2 ฝ่าย เห็นศักยภาพของกันและกันมากขึ้น เพื่อแสวงหาลู่ทางการขยายการค้าและการลงทุนและนำไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ ในปี 2560 การค้าไทยและ EAEU มีมูลค่า 3,318 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นลำดับที่ 27 ของไทย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 58.91% โดยไทยส่งออก 1,099 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้า 2,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. 2561 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 2,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 26.59% โดยไทยส่งออก 941 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้า 1,852 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
"สินค้าที่ไทยส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และเครื่องยนต์ เป็นต้น สินค้าที่ไทยนำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สินแร่โลหะ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น โดยงานสัมมนาครั้งนี้จะจัดวันอังคารที่ 20 พ.ย. 2561 และจะมีการจะมีการลงนามระหว่าง นางสาวชุติมา บุญยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย และนางทัตยานา วาโลวายา รัฐมนตรีด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ในวันที่ 19 พ.ย. 2561 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายทิกราน ซาร์กสยาน ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย เป็นสักขีพยาน"
อนึ่ง สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย เป็นสหภาพเศรษฐกิจ จัดตั้งขึ้นโดยสนธิสัญญา ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2557 และมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2558 โดยในปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน อาร์มีเนีย และรัสเซีย ซึ่งสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชียนี้ได้สร้างตลาดเศรษฐกิจเดียวที่มีขนาดประชากรกว่า 180 ล้านคน และผลิตภัณฑ์มวลรวม 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทาจิกิสถานและอุซเบกิสถานยังแสดงความสนใจเข้าร่วมองค์การด้วย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินการจัดการสัมมนา เรื่อง "ไทย-ยูเรเซีย : รุกหน้ากระชับความสัมพันธ์มิติใหม่" เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือภายใต้บันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Memorandum of Cooperation between the Government of Kingdom of Thailand and the Eurasian Economic Commission : MoC)
สำหรับการจัดสัมนาครั้งดังกล่าวนี้ เป็นการชี้ให้เห็นโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่าง 5 ประเทศ ได้แก่ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐเบลารุส สาธารณรัฐอาร์เมเนีย และสาธารณรัฐคีร์กิซ มีประชากรรวมกันกว่า 180 ล้านคน รายได้ประชาชาติ (GDP) กว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2560 มีมูลค่าการค้ากับไทย 3,318 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 58.91% ถือเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและทวีความสำคัญต่อไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ การจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซียครั้งนี้ จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะเปิดโอกาสให้ 2 ฝ่าย เห็นศักยภาพของกันและกันมากขึ้น เพื่อแสวงหาลู่ทางการขยายการค้าและการลงทุนและนำไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ ในปี 2560 การค้าไทยและ EAEU มีมูลค่า 3,318 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นลำดับที่ 27 ของไทย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 58.91% โดยไทยส่งออก 1,099 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้า 2,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. 2561 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 2,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 26.59% โดยไทยส่งออก 941 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้า 1,852 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
"สินค้าที่ไทยส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และเครื่องยนต์ เป็นต้น สินค้าที่ไทยนำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สินแร่โลหะ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น โดยงานสัมมนาครั้งนี้จะจัดวันอังคารที่ 20 พ.ย. 2561 และจะมีการจะมีการลงนามระหว่าง นางสาวชุติมา บุญยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย และนางทัตยานา วาโลวายา รัฐมนตรีด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ในวันที่ 19 พ.ย. 2561 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายทิกราน ซาร์กสยาน ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย เป็นสักขีพยาน"
อนึ่ง สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย เป็นสหภาพเศรษฐกิจ จัดตั้งขึ้นโดยสนธิสัญญา ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2557 และมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2558 โดยในปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน อาร์มีเนีย และรัสเซีย ซึ่งสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชียนี้ได้สร้างตลาดเศรษฐกิจเดียวที่มีขนาดประชากรกว่า 180 ล้านคน และผลิตภัณฑ์มวลรวม 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทาจิกิสถานและอุซเบกิสถานยังแสดงความสนใจเข้าร่วมองค์การด้วย
