"WHA Group" จ่อปิดดีลขายที่ดิน–พื้นที่เช่าคลังสินค้าส่งท้ายปี เผย 9 เดือนแรก เติบโตต่อเนื่อง

12 พ.ย. 2561 | 08:11 น.
"WHA Group" เตรียมเปิดนิคมฯ แห่งที่ 10 จ่อปิดดีลขายที่ดิน–พื้นที่เช่าคลังสินค้าส่งท้ายปี ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก เติบโตต่อเนื่อง ด้าน GROUP CEO "จรีพร จารุกรสกุล" มั่นใจ! ผลงานโค้งสุดท้ายสดใส

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้นำธุรกิจแบบครบวงจรด้านธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด เตรียมเปิดนิคมอุตสาหกรรม แห่งที่ 10 ภายใต้ชื่อ "นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3" จ.ชลบุรี บนพื้นที่กว่า 2,197 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับนโยบายโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทฯ ในการมุ่งส่งเสริมพัฒนา 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) ของประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน ได้แก่ อุตสาหกรรมการบินและอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่

ประกอบกับในช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาในการเช่าคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit กับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง จำนวน 130,000 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่อีก 2-3 ราย ที่เตรียมเช่าพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนได้ในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ จะส่งผลให้บริษัทฯ มียอดการเช่าพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มขึ้นทะลุเป้าที่วางไว้ 250,000 ตารางเมตร

ส่วนพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมฯ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้ารายใหญ่ที่สนใจซื้อพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม อีก 4-5 ราย รวมถึงผู้ประกอบการอื่น ๆ อีกประมาณ 20 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า นอกจากนี้ ช่วงทุก ๆ ไตรมาส 4 ของทุกปี บริษัทฯ มีเตรียมแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า "ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท" (WHART) โดยล่าสุด ได้รับไฟเขียวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) ในการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ครั้งที่ 3 คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินจำนวน 4,464.5 ล้านบาท พร้อมเปิดขายให้กับผู้ถือหน่วยเดิมและนักลงทุนทั่วไปช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือน พ.ย. นี้ และคาดว่าจะโอนทรัพย์สินแล้วเสร็จในช่วงต้นเดือน ธ.ค. นี้

 

[caption id="attachment_346156" align="aligncenter" width="503"] จรีพร จารุกรสกุล จรีพร จารุกรสกุล[/caption]

สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 7,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบจากปีก่อน ที่มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรฯ ที่ 6,922 ล้านบาท ขณะที่ กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,446 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1,454 ล้านบาท เติบโตกว่า 17% จากการรับรู้รายได้การขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 1,590 ล้านบาท ในช่วงต้นปี รวมทั้งปริมาณการขายและให้บริการน้ำที่เพิ่มขึ้น ตามความต้องการใช้น้ำของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมฯ และการให้บริการโรงไฟฟ้า SPP ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2560 เป็นต้นมา จำนวน 5 แห่ง ส่งผลบริษัทฯ รับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของต้นทุนทางการเงินกว่า 26%


จรีพร

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 1,757 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรฯ ที่ 2,150 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 363 ล้านบาท ลดลงจาก 506 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28% เนื่องจากยอดการโอนที่ดินลดลง แต่ทั้งนี้หากพิจารณารายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) บริษัทฯ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) อยู่ระหว่างการเรียกประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์สำหรับการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ครั้งที่ 2 มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 477 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายและสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2561 จำนวน 3,500 ล้านบาท เสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ แบ่งเป็น หุ้นกู้อายุ 2 ปี 3.5 ปี 5 ปี และ 7 ปี โดยมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 3.81% และมีอายุเฉลี่ยของหุ้นกู้อยู่ที่ 5.9 ปี ซึ่งถือเป็นการลดความเสี่ยงของความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวอีกด้วย

595959859