รัฐต่อยอด "อุตฯอาหารไทย" เปิดศูนย์นวัตกรรม "มิเอะ-ไทยแลนด์ อินโนเวชัน เซ็นเตอร์"

12 พ.ย. 2561 | 07:23 น.
กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือ จ.มิเอะ ประเทศญี่ปุ่น เปิดศูนย์นวัตกรรม "มิเอะ-ไทยแลนด์ อินโนเวชัน เซ็นเตอร์" ศูนย์ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย สู้ผู้นำ สู่ระดับสากล ผ่านเทคโนโลยีการผลิตระดับสูง สร้างมูลค่าเพิ่มควบคู่นวัตกรรม การขยายโอกาสทางการตลาดในประเทศให้กว้างขึ้นไปสู่ระดับโลกอีกด้วย



คณะผู้บริหารร่วมแถลงข่าว

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากที่กระทรวงอุตสาหกรรมและบีโอไอได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือกับ จ.มิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตระดับสูง รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาด้านเกษตรอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การปรับปรุงพันธุ์ และบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ จึงได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์นวัตกรรม "มิเอะ-ไทยแลนด์ อินโนเวชัน เซ็นเตอร์" (Mie- Thailand Innovation Center) โดยมีวัตถุประสงค์ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการแปรรูปอาหาร เพื่อขับเคลื่อนยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นผู้นำได้ในระดับสากล พร้อมสนับสนุนการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิตมาผนวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยปฏิรูปอุตสาหกรรมอาหารทั้งระบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของภาคการผลิต ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐาน และการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการขยายโอกาสทางการตลาดในประเทศให้กว้างขึ้นไปสู่ระดับโลก

แนวทางการขับเคลื่อนศูนย์นวัตกรรมดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียม 3 กรอบการดำเนินงานที่สำคัญไว้ เพื่อขับเคลื่อนยกระดับภาคอุตสาหกรรมและการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมทั้ง 2 ฝ่าย ได้แก่

1.การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการแปรรูปอาหาร ประกอบด้วย การจัดกิจกรรมสัมมนา เวิร์คช็อป (Workshop) มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านเทคโนโลยีการแปรรูปอาหารของบริษัทจาก จ.มิเอะ การทำวิจัยและทำต้นแบบผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหาร เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ผลักดัน SMEs ให้มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมมากขึ้น


ภาพบรรยากาศแถลงข่าว

นอกจากนี้ ยังนำร่องมุ่งเน้นใน 2 พื้นที่ ที่มีศักยภาพ คือ จ.สงขลา เป็นศูนย์กลางในการแปรรูปอาหารในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเล หรือ ของสด ให้กับ 14 จังหวัดภาคใต้ และ จ.เชียงใหม่ จะต่อยอดการดำเนินงานยุทธศาสตร์ Northern Food Valley ในพื้นที่ภาคเหนือผ่านโครงการร่วมมือ เช่น Lanna Matsusaka Beef โดยอาศัยจุดเด่นของ จ.มิเอะ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเนื้อ Matsusaka ให้ถ่ายทอดพันธ์เนื้อมาต่อยอดการเลี้ยงวัวในภาคเหนือ รวมถึงโครงการ Medical and Bio - Technology การถ่ายทอดเทคโนโลยีการสกัดสมุนไพรจากพืชชนิดต่าง ๆ และความร่วมมือเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และวัฒนธรรม ระหว่าง จ.เชียงใหม่ กับ จ.มิเอะ ซึ่งจังหวัดทั้ง 2 มีจุดแข็งในด้านเดียวกัน

2.การพัฒนาบุคลากรผ่านการพัฒนาหลักสูตรของ Mie Industry and Enterprise Support Center (MIESC) ซึ่งเป็นหลักสูตรการสร้างบุคลากรในระดับ "Leader" ของผู้ประกอบการ SMEs ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างบุคลากรที่จะเข้ามาลดช่องว่างของกลุ่มแรงงานและผู้บริหาร เป็นหลักสูตรที่ได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากบริษัทใน จ.มิเอะ ซึ่งจะมีการปรับหลักสูตรการฝึกอบรมให้ตรงต่อความต้องการของผู้ประกอบการไทย และให้มีเนื้อหาการฝึกอบรมที่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมของประเทศไทย จากนั้นจะมีการกำหนดแผนการฝึกอบรมที่เป็นรูปธรรมร่วมกัน โดยได้คาดหวังว่า หลักสูตรนี้จะช่วยยกระดับให้กับภาคอุตสาหกรรมในประเทศ

3.การพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการ (Business Networking) มุ่งหมายให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทยเติบโตได้ในระยะยาว


นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร

ด้าน นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการ สถาบันอาหาร กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและ จ.มิเอะ ในการผลักดันผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตด้วยนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนาเพื่อสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับการขยายโอกาสทางการตลาดในประเทศให้กว้างขึ้น โดยทั้งไทยและญี่ปุ่นได้ต่อยอดความร่วมมือที่ผ่านมา ได้แก่ การวิจัยเกี่ยวกับ Thai Snack จากข้าวหอมมะลิไทย ที่มีลักษณะของการวิจัยเพื่อการผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ และการบริการในการทำตัวอย่างสินค้าให้กับกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็น Start Up ที่ต้องการผลิตเพื่อทดลองสินค้าและตลาด พร้อมทั้งการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรเป็นสินค้าอาหารเจ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทย นอกจากนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5-10 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว ยังจะได้รับสิทธิเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เช่น การลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 5 ปี

"ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรม "มิเอะ-ไทยแลนด์ อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์" (Mie - Thailand Innovation Center) เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือการที่จะช่วยยกระดับและพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี งานวิจัย และนวัตกรรมที่เหมาะสม ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ และยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศให้เป็นผู้นำได้ในระดับสากล และที่สำคัญ คือ การเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายระหว่างภาคอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศ ที่จะช่วยให้เกิดความร่วมมือที่ขยายวงไปในด้านการค้า การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวระหว่างกันได้ต่อไปในอนาคต" นายยงวุฒิ กล่าวสรุป

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว