WHAUP ลุยเซ็นสัญญาติดตั้ง Solar Rooftop หนุนรายได้โตมั่นคง

12 พ.ย. 2561 | 06:14 น.
WHAUP เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 มีกำไรสุทธิจำนวน 631.1 ล้านบาท รวม 9 เดือนแรก จำนวน 1,643.2 ล้านบาท เหตุความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 5 โครงการ เปิด COD เต็มไตรมาส ระบุ โค้งสุดท้ายปีนี้ผลงานสดใส หลังลูกค้าทยอยเซ็นสัญญาติดตั้ง Solar Rooftop และจ่อเซ็นสัญญาเพิ่มอีกหลายราย ยัน! ทั้งปีทำได้ตามแผน

นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการจำนวน 443.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 547.3 ล้านบาท ลดลง 1.2% โดยในจำนวนนี้ ประกอบด้วย กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 124.9 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2561 และ 119.7 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2560 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 631.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Profit) จำนวน 577.4 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 28.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

 

[caption id="attachment_346116" align="aligncenter" width="503"] วิเศษ จูงวัฒนา วิเศษ จูงวัฒนา[/caption]

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 1,288.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน จำนวน 1,453.4 ล้านบาท ลดลง 2.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยในจำนวนนี้ ประกอบด้วย กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 60.2 ล้านบาท ใน 9 เดือนแรก ปี 2561 และ 458.6 ล้านบาท ใน 9 เดือนแรก ปี 2560 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 1,643.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Profit) จำนวน 1,654.1 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 52.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

"สำหรับการเติบโตเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานในงวดที่ผ่านมา เป็นผลมาจากปริมาณการใช้น้ำของลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมและจากการขยายตัวของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 511 เมกะวัตต์"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP กล่าวอีกว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/2561 มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งจากธุรกิจสาธารณูปโภค ที่มีปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น และจากธุรกิจพลังงานจากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ Solar Rooftop และธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ โครงการ "ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2" ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ มั่นใจว่า อัตราการเติบโตของรายได้ทั้งปีจะมีแนวโน้มขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบจากปีก่อน

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงการให้บริการติดตั้งแผง Solar Rooftop ให้กับลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ว่า ยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมาก ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 1.4 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกจำนวน 6.5 เมกกะวัตต์ และที่อยู่ระหว่างการเจรจาและรอเซ็นสัญญาเพิ่มเติมอีกประมาณ 2.1 เมกะวัตต์ ดังนั้น ในปีนี้คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาให้บริการ Solar Rooftop จำนวนทั้งสิ้น 10 เมกะวัตต์ ตามแผน

สำหรับธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ โครงการ "ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2" จะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด 2 ได้ภายในไตรมาส 4/2561 นี้ ขณะที่ โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด 4 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี  2562

ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนามนั้น ซึ่งบริษัทฯ ได้สิทธิในการดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำในเขตอุตสาหกรรม "ดับบลิวเอชเอ เหงะอาน" ที่ประเทศเวียดนาม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2562

595959859