'อภิสิทธิ์' นำทีมอดีต ส.ส.ใต้ แถลงเรียกร้องรัฐแก้ "ยาง-ปาล์ม" ตกต่ำ!!

12 พ.ย. 2561 | 05:20 น.
'อภิสิทธิ์' นำทีมอดีต ส.ส.ใต้ แถลงเรียกร้องรัฐแก้ "ยาง-ปาล์ม" ตกต่ำ แฉ! เคยประกาศให้หน่วยงานรัฐใช้แสนตัน ทำจริงแค่ 1,129 ตัน เสนอกำจัดสต๊อก 3 แสนตัน ภายใน 6 เดือน เชื่อราคาขยับ 4 บาททันที

110325

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมอดีต ส.ส.ภาคใต้ของพรรค แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคายางพาราและปาล์มตกต่ำ โดยในส่วนของยางพารามีข้อเสนอเร่งด่วน 3 ข้อ คือ


110326

1.การใช้ยางพาราในประเทศ โดยเฉพาะในภาครัฐ เป็นสิ่งที่รัฐบาลรับหลักการมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดจริงในทางปฏิบัติ มีเพียงท้องถิ่นบางแห่งที่เดินหน้าได้จริงจัง ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเปิดเผยว่า จากที่เคยจะใช้แสนตัน ได้ใช้ไปแล้วกี่ตัน เพราะเท่าที่ตรวจสอบเป็นสัดส่วนน้อยมาก จึงต้องดูว่า เหตุใดหน่วยงานราชการจึงไม่ใช้จริง ติดขัดที่ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ขั้นตอนการประมูล หรืออะไร ก็ต้องแก้ปัญหาโดยทันที

2.สภาพราคายางพารามีความจำเป็นที่ชาวสวนยางต้องมีรายได้เสริม เช่น การปลูกพืชอื่นในสวนยาง แม้จะมีการคลายระเบียบกองทุนให้ทำได้ แต่การทำงานก็ยังไม่ได้ทำในเชิงรุกเท่าที่ควร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสนับสนุนการปลูกพืชเสริมและประสานงานในเรื่องตลาด ไม่ใช่ให้ปลูกพืชที่ปลูกเสริมล้นตลาด แล้วมีปัญหาเรื่องราคาอีก จึงต้องมีแผนการตลาดรองรับให้มั่นใจว่าปลูกแล้วมีกำไร

3.การใช้ยางพารา โดยภาคเอกชนยังมีศักยภาพนำยางพาราไปแปรรูปในชุมชน เช่น ผลิตหมอนยางพารา รองเท้า เพราะมีตลาดในและต่างประเทศรองรับ แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดตั้งโรงงาน ระดับชุมชนมีปัญหาเรื่องผังเมือง ถ้าเร่งรัดอนุญาตก็จะทำให้ยางพาราแปรรูปได้ต่อไป

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 3 เรื่องเร่งด่วนนี้ ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ ถ้าเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวยังไม่พอ ก็ควรนำหลักคิดเรื่องประกันรายได้เกษตรกรมาปรับใช้กับชาวสวนยางพาราด้วย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ จึงอยู่ในวิสัยเจรจาหาความร่วมมือกับผู้ค้าด้วยกันได้ แต่รัฐบาลต้องมีแผนที่ชัดเจนในการร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตเพื่อต่อรองกับผู้ใช้ รวมถึงหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อรองรับยางพาราและการแปรรูปที่ใหญ่กว่าระดับชุมชน รวมถึงการผลักดันนิคมอุตสาหกรรมยางพาราต้องมีกรอบให้ชัดเจนว่าจะผลักดันให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่

สำหรับปัญหาราคาปาล์มตกต่ำนั้น ปัญหาหลัก คือ สต๊อกที่ล้นอยู่ ถ้าสามารถขจัดได้ 3 แสนตัน ก็มั่นใจว่า ราคาปาล์มจะขยับทันที จึงเสนอให้นำปาล์มไปใช้ผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ ใช้เวลาครึ่งปีเพื่อขจัดสต๊อกที่ล้น ทำให้ราคาขยับทันที ใช้งบประมาณประมาณ 3 พันล้านบาท ที่ผ่านมารัฐบาลเหมือนขยับในเรื่องนี้ แต่กลับไปใช้โรงไฟฟ้าบางปะกงและราชบุรี ทำให้สูญเสียค่าขนส่งโดยเปล่าประโยชน์ 1 บาท ต่อ 1 กก. และศักยภาพก็ไม่เทียบเท่าโรงไฟฟ้ากระบี่


110331

"เรื่องเร่งด่วนเหล่านี้เป็นปัญหาที่ตอกย้ำสภาพของเศรษฐกิจที่โตยาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่ขาดรายได้ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ ที่พรรคให้ความสำคัญเป็นพิเศษ นโยบายพรรคจะเปลี่ยนวิธีคิดบริหารที่หลงกับตัวเลขภาพรวมจีดีพี แต่ใส่ใจรายได้จริงของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ยางพารา ปาล์ม ซึ่งมีคำตอบที่รัฐบาลควรทำงานเชิงรุก ถึงลูกถึงคน เพื่อช่วยประชาชนทันที" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ระบุว่า รัฐบาลต้องดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อทันที เพื่อพยุงราคายางพาราให้สูงขึ้น เพราะตามแผนที่รัฐบาลระบุว่าจะให้หน่วยงานราชการใช้ 1 แสนตันนั้น ทำได้จริงเพียงแค่ 1,129 ตันเท่านั้น

ขณะที่ น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล คณะทำงานด้านปาล์มน้ำมัน กล่าวว่า ขณะนี้ปาล์มมีสต๊อกเกิน 3 แสนตัน ทำให้ราคาน้ำมันถูกกดไว้ ทางแก้ปัญหาดีที่สุด คือ ต้องกำจัดออกจากระบบ เพื่อให้ราคาปาล์มเข้าสู่ดุลยภาพ แต่ในขณะนี้รัฐบาลเตรียมทำแค่ 1.6 แสนตัน ด้วยการไปใช้ที่โรงไฟฟ้าราชบุรี-บางปะกง ซึ่งไม่สมเหตุสมผล เพราะจะมีเงินสูญเปล่าจากค่าขนส่งถึง 160 ล้านบาท โดยไม่จำเป็น จึงขอให้รัฐบาลกำจัดปาล์มที่ล้นสต๊อกออกจากระบบจำนวน 3 แสนตัน ภายใน 6 เดือน ด้วยการนำไปใช้ในโรงไฟฟ้ากระบี่ ซึ่งจะทำให้ราคาปาล์มขยับจาก 2.80 บาท ไปเป็น 4 บาท อีกทั้งประชาชนรอบโรงไฟฟ้าก็จะได้ประโยชน์จากกองทุนด้วย นอกจากนี้ ยังขอเรียกร้องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ดูแลราคาน้ำมันปาล์มขวดที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 16-17 บาท แต่กลับขายราคาขวดละ 42 บาท เท่ากับในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ราคาน้ำมันปาล์มสูงถึง 30 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค จึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแล เพราะเมื่อราคาถูกลง การบริโภคก็จะมากขึ้น เป็นการช่วยเหลือทั้งเกษตรกรและประชาชนพร้อม ๆ กันไป

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว