ลุยแก้ปัญหา "โรงพยาบาลโขกค่ายา-ค่ารักษา" ดึงเป็นบริการควบคุม-จี้ทำแอพแจงให้ชัด
พาณิชย์หารือกระทรวงสาธารณสุข หาแนวทางแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนสูงเกินจริง เล็งกำหนดให้ค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสินค้าและบริการควบคุม พร้อมให้ทำแอพพลิเคชันแจงราคาให้ชัด
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2561 กรมการค้าภายในได้หารือกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนสูงเกินจริง ซึ่งที่ผ่านมา กรมไม่ได้นิ่งนอนใจได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจโรงพยาบาลเอกชน 62 แห่งทั่วกรุงเทพฯ พบว่า ส่วนใหญ่โรงพยาบาลไม่ได้เปิดเผยข้อมูลค่ายาและค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนรับทราบมากนัก โดยจะเก็บไว้ในเอกสาร คอมพิวเตอร์ ภายในของโรงพยาบาล ส่วนที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล ก็จะแจ้งเพียงบางส่วน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รับทราบข้อมูลเมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วเท่านั้น หลังหารือกันในครั้งนี้จะเรียกตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนมาหารือร่วมกับ คน. และกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อพิจารณาข้อมูลและแนวทางการดำเนินการต่อไป
[caption id="attachment_345162" align="aligncenter" width="503"]
ประโยชน์ เพ็ญสุต[/caption]
ทั้งนี้ ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลไม่ได้กำหนดเป็นบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 แต่ได้มีมาตรการกำกับดูแล คือ ให้ปิดป้ายแสดงค่ารักษาพยาบาลไว้ในที่เปิดเผยและชัดเจน หรือ ให้จัดทำเป็นเอกสาร หรือ เว็บไซต์ของโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบอัตราค่ายาและค่าบริการก่อนการตัดสินใจใช้บริการ ด้านกระทรวงสาธารณสุข มี พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 โดยการประกอบกิจการสถานพยาบาลและการดำเนินการสถานพยาบาล มาตรา 32 (3) ผู้รับอนุญาตต้องแสดงอัตราค่ารักษาพยาบาทและสิทธิของผู้ป่วยที่สถานพยาบาล ต้องแสดงตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง โดยกำหนดโทษ มาตรา 59 ผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 32 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลจะมีการประมาณการอัตราค่าบริการเบื้องต้นแจ้งให้ผู้รับการรักษาทราบก่อน
"ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากและมีความละเอียด แต่กรมยืนยันจะอยู่ข้างประชาชนให้ได้รับความเป็นธรรม ต่อไปโรงพยาบาลเอกชนต้องทำทำแอพพลิเคชันแสดงรายการค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ให้ประชาชนดาวน์โหลด เพื่อให้ประชาชนได้เปรียบเทียบราคาก่อนไปรับการรักษา ไม่ใช่รู้ตอนหลังการรักษาไปแล้ว"
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลแพงได้มีคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลราคาแพงและคณะกรรมการดำเนินการแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลราคาแพง ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและดำเนินการแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน
สำหรับการพิจารณาราคายาและอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสม ควรให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลค่ายาและค่ารักษาพยาบาลโดยตรง รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขมีการแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการเพื่อกำกับดูแลอยู่แล้ว ในเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์จะทำให้ราคาค่ารักษาพยาบาลมีความโปร่งใสแข่งขันกันในโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น ให้ประชาชนเป็นผู้เลือก โดยให้ประชาชนรับรู้และสามารถตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะราคาค่ารักษาพยาบาลได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต เพื่อลดความสงสัยและโต้แย้ง
"ในขั้นต่อไป หากจะให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดให้ค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสินค้าและบริการควบคุม โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กระทรวงพาณิชย์จะทำการหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำข้อมูลหลักเกณฑ์ เหตุผล และเป็นผู้พิจารณาราคายาและอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสม เช่นเดียวกับสินค้าควบคุมอื่น ๆ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำตาลทราย เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณากำหนดเป็นสินค้าและบริการควบคุมต่อไป ที่มีหน่วยงานที่กำกับดูแลโดยตรงเป็นผู้พิจารณากำหนดและเสนอมายัง กกร. เพื่อดำเนินการต่อไป"
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2561 กรมการค้าภายในได้หารือกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนสูงเกินจริง ซึ่งที่ผ่านมา กรมไม่ได้นิ่งนอนใจได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจโรงพยาบาลเอกชน 62 แห่งทั่วกรุงเทพฯ พบว่า ส่วนใหญ่โรงพยาบาลไม่ได้เปิดเผยข้อมูลค่ายาและค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนรับทราบมากนัก โดยจะเก็บไว้ในเอกสาร คอมพิวเตอร์ ภายในของโรงพยาบาล ส่วนที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล ก็จะแจ้งเพียงบางส่วน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รับทราบข้อมูลเมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วเท่านั้น หลังหารือกันในครั้งนี้จะเรียกตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนมาหารือร่วมกับ คน. และกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อพิจารณาข้อมูลและแนวทางการดำเนินการต่อไป
[caption id="attachment_345162" align="aligncenter" width="503"]
ทั้งนี้ ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลไม่ได้กำหนดเป็นบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 แต่ได้มีมาตรการกำกับดูแล คือ ให้ปิดป้ายแสดงค่ารักษาพยาบาลไว้ในที่เปิดเผยและชัดเจน หรือ ให้จัดทำเป็นเอกสาร หรือ เว็บไซต์ของโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบอัตราค่ายาและค่าบริการก่อนการตัดสินใจใช้บริการ ด้านกระทรวงสาธารณสุข มี พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 โดยการประกอบกิจการสถานพยาบาลและการดำเนินการสถานพยาบาล มาตรา 32 (3) ผู้รับอนุญาตต้องแสดงอัตราค่ารักษาพยาบาทและสิทธิของผู้ป่วยที่สถานพยาบาล ต้องแสดงตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง โดยกำหนดโทษ มาตรา 59 ผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 32 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลจะมีการประมาณการอัตราค่าบริการเบื้องต้นแจ้งให้ผู้รับการรักษาทราบก่อน
"ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากและมีความละเอียด แต่กรมยืนยันจะอยู่ข้างประชาชนให้ได้รับความเป็นธรรม ต่อไปโรงพยาบาลเอกชนต้องทำทำแอพพลิเคชันแสดงรายการค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ให้ประชาชนดาวน์โหลด เพื่อให้ประชาชนได้เปรียบเทียบราคาก่อนไปรับการรักษา ไม่ใช่รู้ตอนหลังการรักษาไปแล้ว"
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลแพงได้มีคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลราคาแพงและคณะกรรมการดำเนินการแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลราคาแพง ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและดำเนินการแก้ไขปัญหาค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน
สำหรับการพิจารณาราคายาและอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสม ควรให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลค่ายาและค่ารักษาพยาบาลโดยตรง รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขมีการแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการเพื่อกำกับดูแลอยู่แล้ว ในเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์จะทำให้ราคาค่ารักษาพยาบาลมีความโปร่งใสแข่งขันกันในโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น ให้ประชาชนเป็นผู้เลือก โดยให้ประชาชนรับรู้และสามารถตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะราคาค่ารักษาพยาบาลได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต เพื่อลดความสงสัยและโต้แย้ง
"ในขั้นต่อไป หากจะให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดให้ค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสินค้าและบริการควบคุม โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กระทรวงพาณิชย์จะทำการหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำข้อมูลหลักเกณฑ์ เหตุผล และเป็นผู้พิจารณาราคายาและอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสม เช่นเดียวกับสินค้าควบคุมอื่น ๆ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำตาลทราย เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณากำหนดเป็นสินค้าและบริการควบคุมต่อไป ที่มีหน่วยงานที่กำกับดูแลโดยตรงเป็นผู้พิจารณากำหนดและเสนอมายัง กกร. เพื่อดำเนินการต่อไป"
