กลิ่นหอมจากยอดหญ้า เคล้าแสงอุ่นที่ ขุนยวม

16 พ.ย. 2561 | 11:55 น.
 

8821055425835

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของยอดหญ้า เคล้ามากับสายลมที่มีกลิ่นของควันจางๆ ที่ลอยมาจากอีกฟากฝั่งหนึ่งของทุ่งนา  พระอาทิตย์ยังไม่ทันบิดตัวโผล่พ้นจากทิวเขา แต่เสียงไก่ที่ขันรับต่อกันเป็นทอดๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารปรุงใหม่ที่โชยมาจากในครัวด้านล่างที่คุณป้าเจ้าของบ้านกำลังตระเตรียมสำหรับการตักบาตรในตอนเช้ากลายเป็นนาฬิกาปลุกไร้เสียงชั้นดีที่ค่อยๆ เปิดเปลือกตา ลุกออกมาจากผ้าห่มยัดนุ่นผืนหนา ออกมารอต้อนรับแสงอุ่นของดวงตะวัน

“ขุนยวม” อำเภอริมชายแดนถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา ส่วนหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน การเดินทางมาที่นี่จึงมิใช่เรื่องง่าย หลายคนอาจต้องอาศัยยาแก้เมาหลายเม็ดเพื่อให้เดินทางมาถึงที่นี่โดยที่อาหารในกระเพาะไม่หมดไปเพราะอาการอาเจียนที่หยุดไม่ได้ แต่เมื่อมาถึงแล้วจะใช้ยาแก้ลืมกี่ขนานก็ไม่อาจละภาพและบรรยากาศที่ประทับใจจากเมืองเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นนี้ได้เลย

พรมแดนธรรมชาติที่แสนอุดมสมบูรณ์และการเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่ของประชากรมิอาจแบ่งกั้นด้วยเส้นเขตแดน  ณ อำเภอริมชายแดนแห่งนี้คือพื้นที่ผสมผสานทางเชื้อชาติ ศิลปวัฒนธรรม และประเพณี ที่กลมกล่อม ละเมียดละไมจนนักท่องเที่ยวแบบเรา หยุดยิ้มไม่ลง  อาคารบ้านเรือนแม้จะมีรูปแบบการก่ออิฐถือปูนแบบสมัยนิยมมากขึ้น แต่ก็ยังแทรกปนด้วย  “เฮินไต” บ้านไม้รูปทรง แปลกตา พื้นยกสูงไม่มากนัก หลังคามุงด้วยใบตองตึงแห้งสีนํ้าตาลแก่ ของชาวไทใหญ่ หรือกลุ่มคนที่เรียนตนเองว่า “ชาวไต” ชาติพันธุ์ที่เต็มไปด้วยอัตลักษณ์และเรื่องราว มีถิ่นกำเนิดทางฝั่งตะวันตกของแม่นํ้า สาละวินและป่าเขาพื้นที่ราบสูงในรัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา กลุ่มคนเวลาไม่อาจพรากเอาเอกลักษณ์ผ่านผืนผ้า เครื่องแต่งกาย  อาหารการกิน และวิถีชีวิตอันเรียบละมุนนี้ไปได้เลย

2 เท้าก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับกระชับผ้าคลุมไหล่ผืนหนาที่หาซื้อมาจากชาวบ้านเมื่อคืนวาน หลังจากพบว่าสัมภาระที่พกมาไม่เพียงพอต่อความกลมกลืนและความอยากเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่มาเยือน เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังมาจากหัวมุมถนน ตลาดสดขุนยวมถือเป็นพื้นที่ที่คึกคักที่สุดในรุ่งเช้า อาหารและผักสดถูกห่อด้วยใบตองตึงและก้านตอกจากแผงต่างๆ ซึ่งมีเพียงโต๊ะตั้งวางเปลี่ยนพื้นที่ไปอยู่ในตะกร้าของชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อของกันอย่างหนาตา จนทำให้บริเวณนี้รู้สึกอบอุ่นกว่าที่อื่นๆ เสียงพูดคุยรอบข้างที่ไม่ได้เจรจาเฉพาะเพียงการซื้อขายแต่ยังถามถึงสารทุกข์สุกดิบสารพัดราวกับไม่ได้เจอกันมานานนม

8821054711083 (1)

นอกจากการตักบาตรหน้าบ้านและหน้าตลาดแล้ว สำหรับชาวไทใหญ่ กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชาติพันธุ์ใด สิ่งหนึ่งที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาช้านานคือการทำอาหารบรรจุใส่ขันบ้าง ปิ่นโตบ้าง  พร้อมดอกไม้ที่ได้จากการปลูกไว้แรมปี ในบ้าน บ้างก็ตัดรวบเป็นกำ บ้างก็ตัดมาจัดเรียงในกรวยใบตอง หอบใส่ตะกร้าไปถวายพระที่วัด สืบเนื่องจากพระสงฆ์ของวัดไทใหญ่แบบดั้งเดิมนั้นไม่ออกบิณฑบาตร ซึ่งเป็นกุศโลบายสำคัญประการหนึ่งที่ดึงให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าวัดทำบุญ พบปะ ณ ศูนย์รวมจิตใจแห่งนี้ ซึ่งวิถีปฏิบัติที่ชาวบ้านเดินทางเข้าวัดเพื่อถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุมิเพียงปรากฏเฉพาะวัดไทยใหญ่ ยังรวมถึงชุมชนชนบทอื่นๆ โดยเฉพาะในภาคเหนือเช่นกัน

ในวันพระชาวไทยใหญ่จะทำกระทงใบตองรูปแบบต่างๆ เรียกว่า “ก๊อก ซอม ต่อ” เพื่อสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กระทงใบเล็กที่ชื่อ “ติ๋นจ้าง” หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “เท้าช้า” คือกระทรงสำหรับถวายพระพุทธ (พระพุทธรูปองค์ประธาน) “กลีบบัว” สำหรับถวายเทพยดา เจ้าเมือง และ “เขี้ยวหมา” สำหรับถวายผีเรือนผีประตูหรือเจ้าที่เจ้าทาง

วิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนาอย่างแนบแน่น ในขุนเขาที่เขียวขจีขับเคลื่อนชีวิตของชาวไทใหญ่ให้ดำเนินต่อไป แม้ปราการธรรมชาติจะมิอาจกีดกั้นความเจริญที่มาพร้อมกับนักท่องเที่ยว แฉกเช่นการมิอาจป้องกันการคืบคลานเข้ามาของสงครามโลก ที่ทำให้เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวสำคัญ “เส้นทางสายมรณะปาย - ขุนยวม” ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่แสงสว่างแห่งธรรมะและวิถีจารีตประเพณีจะเป็นเกราะคุ้มครองให้ขุนยวม คือความสุขที่สัมผัสได้ด้วยตาและอบอุ่นไปทั้งหัวใจดุจแสงแรกในยามเช้าไม่เสื่อมคลาย

หน้า 28 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่38 ฉบับที่ 3,417 วันที่ 11 - 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว