'ทีเด็ดฮ่องเต้' ไก่แท่งอบกรอบสูตรอาม่า! สร้างความต่างโกยรายได้ 30 ล้าน

12 พ.ย. 2561 | 05:09 น.
สูตรเด็ดเคล็ดลับประจำตระกูลที่เป็นมรดกตกทอด ซึ่งสามารถนำมาสร้างเป็นธุรกิจได้ ใช่ว่าจะมีกันได้ทุกคน และถึงแม้ว่าจะมี ก็ใช่ว่าจะสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ หากขาดไอเดียในการประยุกต์ หรือ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่าง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่มีทางเลือกอย่างหลากหลาย

ณัฐวัฒน์ ธนาสิริวัจน์ ประธานกรรมการบริหาร และ "เฉลิมพรรณ วรพิทย์พงศ์" กรรมการและฝ่ายการตลาด บริษัท ธนาสิริวัฒน์ กรุ๊ป จำกัด คือ เอสเอ็มอีรุ่นใหม่ที่ต่อยอดสูตรเด็ดในการทำอาหารประจำตระกูลของครอบครัวให้ไปสู่รูปแบบของธุรกิจได้ ภายใต้แบรนด์ "ทีเด็ดฮ่องเต้" (T-DED HONGTAE)


TDED5 TDED6

สืบทอดตำนานความอร่อย
ณัฐวัฒน์ รับหน้าที่บอกถึงที่มาที่ไปแห่งไอเดียในการทำธุรกิจกับ "ฐานเศรษฐกิจ"
ว่า ธุรกิจหลักของแบรนด์ คือ การทำไก่แท่งอบกรอบ (Crispy Chicken Sticks) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากสูตรลับตำรับชาววังของอาม่า ซึ่งเคยทำงานอยู่ในห้องเครื่องของราชวังจีน โดยเป็นสูตรในการแปรรูปเนื้อสัตว์ทุกชนิด ซึ่งมีเคล็ดลับในการถนอมอาหารแบบสมัยก่อน ที่ไม่มีการใส่สารกันบูด โดยเมื่อตอนมาอยู่ประเทศไทยใหม่ ๆ อาม่าได้ทำหมูแผ่นส่งให้ร้านในเยาวราชทุกร้านเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นทุนหมูขยับตัวขึ้น จากราคา 20-30 บาทในสมัยก่อน มาเป็นกิโลกรัมละกว่า 100 บาท อาม่าจึงขอขยับราคาขาย แต่ด้วยข้อเสียเปรียบที่ไม่มีแบรนด์เป็นของตนเอง จึงไม่สามารถขยับราคาขึ้นได้ แต่กลับได้รับข้อเสนอยอมให้ใส่สาร หรือ แป้งได้ เพื่อให้จำหน่ายราคาเดิม ด้วยความที่อาม่าเป็นคนที่ไม่ทำในสิ่งไม่ดี ไม่หลอกลวงผู้บริโภค เพราะมองว่ามันบาป และระยะยาวไม่ได้ส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์ตนเอง ผู้บริโภครับประทานแล้วก็คงจะมาต่อว่า สุดท้ายก็จะเป็นการทำลายอาชีพตนเอง จึงยุติอาชีพดังกล่าวและหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน


TDED1

เมื่อมาถึงรุ่นเหลน ซึ่งก็คือตน ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง โดยนึกไปถึงรสชาติหมูแผ่นของอาม่าที่เคยรับประทาน ซึ่งอร่อยมาก เพราะเป็นสูตรโบราณที่มีเคล็ดลับบางอย่างในกระบวนการทำ อาจเป็นเพียงเคล็ดลับเล็กน้อย แต่ก็มีผลทำให้สร้างความแตกต่างจากเจ้าอื่นได้ ซึ่งเป็นการปรับประยุกต์นำเครื่องจักรสมัยใหม่ที่ออกแบบและคิดค้นขึ้นเอง ทั้งเป็นแบบไทยประดิษฐ์ และส่งแบบไปให้ช่างจากต่างประเทศทำ จากแต่ก่อนที่การทำให้แห้งจะต้องผ่านย่างเตาถ่านและผ่านความร้อนเป็นเวลานาน ดังนั้น โรงงานของเราจึงเป็นแบบปิด เพราะเป็นเคล็ดลับของการทำให้กรอบโดยไม่มีแป้งผสมแต่อย่างใด

สำหรับธุรกิจหมูแผ่นได้เริ่มต้นอย่างจริงจังประมาณปี 2557 และเริ่มมาทำวิจัยและพัฒนาแปรรูปเนื้อไก่ 1 ปีเต็ม ในปี 2558 โดยทำขึ้นและจดทะเบียนเป็นของดีประจำตำบล หรือ โอท็อปของ จ.ราชบุรี แต่ยังไม่ได้วางจำหน่ายออกสู่ตลาดมากนัก จำหน่ายเฉพาะในจังหวัด หลังจากนั้นจึงร่วมมือกับกรมพัฒนาชุมชนของจังหวัด ซึ่งให้แนวทางในการสร้างแบรนด์ จึงคิดสร้างแบรนด์ขึ้นมาภายใต้ชื่อ "ทีเด็ดฮ่องเต้" เพราะเป็นอาหารที่ทำให้ฮ่องเต้เสวยและเป็นสูตรลับ ตนจึงวางแนวคิดนำทั้ง 2 ปัจจัย มาผสมกันให้เป็นโลโกของแบรนด์ เพื่อสื่อถึงตัวตนของผลิตภัณฑ์

เฉลิมพรรณ กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่เกิดแนวคิดในการปรับเปลี่ยนธุรกิจมาสู่การทำเป็นไก่แท่งอบกรอบ ก็เพราะด้วยความที่เป็นแบรนด์น้องใหม่ แม้ว่าผลิตภัณฑ์จะทำจากเนื้อหมู 100% โดยไม่มีการผสมใด ๆ แต่ผู้บริโภคย่อมมองว่ามีราคาที่สูง อีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะทำผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู เราจึงต้องการสร้างความแตกต่าง รวมถึงมองว่ามีคู่แข่งไม่มาก และมีตลาดของชาวมุสลิมที่ค่อนข้างใหญ่ แบรนด์จึงมองตลาดดังกล่าวนี้เป็นหลัก เนื่องจากกลุ่มคนมุสลิมไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย ขณะที่ ขนมรับประทานเล่นของมุสลิมก็มีค่อนข้างน้อย

นอกจากนี้ แบรนด์ยังมองว่า แนวโน้มอาหารเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยม จากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ที่กลับมาโหยหาอาหารที่ไม่ปรุงแต่งมาก หรือ อาหารคลีน ซึ่งตรงกับแนวคิดของแบรนด์ที่ต้องการสร้างสรรค์อาหารให้ผู้บริโภครับประทานแล้วสุขภาพดี โดยผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จะไม่ใช้วิธีการทอด จะใช้วิธีการอบด้วยระยะเวลานานจึงปราศจากนํ้ามัน


ขยายตลาดในและต่างประเทศ
เฉลิมพรรณ กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบัน แบรนด์รับจ้างผลิต (OEM) ให้กับ บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพราะเป็นการจำหน่ายให้กับชาวต่างชาติ หลังจากที่เคยวางจำหน่ายที่คิงเพาเวอร์และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนช่องทางในการทำตลาดของแบรนด์ จะเน้นการทำตลาดที่ห้างโมเดิร์นเทรด อาทิ โกลเด้นเพลส, เลมอนฟาร์ม, ร้านกูร์เมต์ มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เกตในเครือของ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ปฯ, ร้านแม็กมาร์ทในปั๊มนํ้ามันพีที ห้างริมปิงที่ จ.เชียงใหม่ และบนสายการบินอย่าง นกแอร์ นกสกู๊ต เวียดเจ็ท

ส่วนกลยุทธ์การขยายตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าของแบรนด์ ล่าสุด ได้มีการขยายตลาดไปยังร้านแม็กซ์แวลู พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะรุกตลาดตามสถานออกกำลังกายแบบฟิตเนส โดยทำผลิตภัณฑ์ให้เป็นแบบพรีเมียมเพื่อผู้รักสุขภาพโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนลักษณะของผลิตภัณฑ์ให้รับประทานง่ายขึ้น และเพิ่มเติมสารอาหารอย่างคอลลาเจนเข้าไป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการมากกว่าอาหารให้พลังงานจากโปรตีน และปรับเปลี่ยนแพ็กเกจให้เข้ากับสถานที่จำหน่าย

อย่างไรก็ดี ยังเตรียมขยายตลาดไปสู่กลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 1 ขวบขึ้นไป ที่เริ่มมีฟันในการกัดแทะ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้ปกครองที่ซื้อไปให้ลูกได้รับประทาน เนื่องจากเป็นเนื้อไก่แท้ที่ไม่มีสารกลูเตน (Gluten) เพราะมีเด็กจำนวนมากที่แพ้สารประเภทดังกล่าว นอกจากนี้ ปัจจุบันแบรนด์ยังได้ทุ่มเงินลงทุนมากกว่า 20 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 5 ไร่ และเพิ่มจำนวนเครื่องจักรรองรับตลาดส่งออก โดยจะทำการแยกโรงงานมาเพื่อแปรรูปเฉพาะเนื้อไก่ รองรับตลาดฮาลาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ


TDED7-

"หลังจากที่แบรนด์ได้ไปออกงานแสดงที่ประเทศฮ่องกง ทำให้มีผู้สนใจจำนวนมากที่ติดต่อเข้ามาเพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย อาทิ ประเทศสิงคโปร์, มาเลเซีย, ฮ่องกง และจีน ซึ่งขั้นตอนในปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาทางธุรกิจ เพราะผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ทำจากเนื้อไก่แท้ 100% จึงมีขั้นตอนการตรวจสอบที่ค่อนข้างมาก และประเทศกัมพูชา ซึ่งกำลังจะเข้าไปทำตลาด เพราะประเทศในกลุ่ม CLMV มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก"


เล็งรายได้ 30 ล้านปี 62
ณัฐวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ที่โรงงานแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินไตรมาส 1/2562 เพื่อทำตลาดส่งออกอย่างเต็มรูปแบบนั้น บริษัทยังมีแผนที่จะขอมาตรฐาน BRC (The British Retail Consortium) เพื่อทำตลาดในกลุ่มประเทศยุโรป รวมถึงตะวันออกกลางและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพราะถือเป็นมาตรฐานที่ดีที่สุดที่ทั่วโลกยอมรับ โดยหากทำสำเร็จจะเป็นเอสเอ็มอีรายแรกในประเทศที่สามารถทำได้

"จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าว คาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 10 ล้านบาทในปีนี้ และจะขยายเพิ่มเป็น 30 ล้านบาท จากการเริ่มทำตลาดส่งออกในปี 2562 และจะทยอยเติบโตเพิ่มขึ้นตามตลาดการส่งออกที่ขยายตัว โดยในระยะต่อไปบริษัทจะมีผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มเติมแทนเนื้อหมู เพื่อเจาะตลาดฮาลาลและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ปัจจุบันได้มีการเจรจาทางธุรกิจกันบ้างแล้ว"


เรื่อง : นิธิโรจน์ เกิดบุญภานุวัฒน์

ภาพ : สุกฤษฎิ์ สืบสาย

หน้า 13 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3417 วันที่ 11-14 พฤศจิกายน 2561



โปรโมทแทรกอีบุ๊ก