'เดโมแครต' ยึดสภาล่าง ย้ำ! บทบาท "ตรวจสอบ-ถ่วงดุล"

12 พ.ย. 2561 | 12:32 น.
แค่เริ่มต้นก็ส่อแววว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน จะทำงานยากขึ้นแล้ว เมื่อ นางแนนซี เพโลซี จากพรรคเดโมแครต จะได้กลับมาเป็นประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 3 ในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ รองจากตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี หลังจากที่พรรคเดโมแครตประสบชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอม เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา และกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือ สภาล่างของสหรัฐฯ โดยสามารถคว้าเก้าอี้ ส.ส. ไปได้ 222 ที่นั่ง หรือเพิ่มขึ้น 29 ที่นั่ง ทำให้มีจำนวน ส.ส. เกินกึ่งหนึ่งของสภา (435 ที่นั่ง)

"เราจะรื้อฟื้นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาลชุดนี้" - เพโลซี ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคเดโมแครต วัย 78 ปี กล่าว เธอผู้นี้เคยสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้นั่งเก้าอี้ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ หรือ สภาคองเกรส เมื่อปี ค.ศ. 2007 (2550) และดำรงตำแหน่งอยู่นานถึง 4 ปี ชัยชนะของพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ทำให้พรรคเดโมแครตได้พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้ที่ครองเสียงข้างมากในสภาล่างอีกครั้ง โดยเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการผลักดันร่างกฎหมายต่าง ๆ ผ่านกระบวนการทางรัฐสภาของประธานาธิบดีทรัมป์ทำได้ยากขึ้นและมีข้อจำกัดมากขึ้น แม้ว่าพรรครีพับลิกันจะยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาต่อไปก็ตาม

 

[caption id="attachment_346099" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 435 ที่นั่ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 35 ที่นั่ง (จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง) และผู้ว่าการรัฐ 36 จากทั้งหมด 50 ตำแหน่ง

เดิมพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีทรัมป์ครองเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภา โดยมี ส.ส. 235 ที่นั่ง และ ส.ว. 51 ที่นั่ง แม้ว่าผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการที่ออกมา รีพับลิกันจะพ่ายแพ้ให้กับเดโมแครตในสภาล่าง แต่ทรัมป์กลับอ้างว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็น "ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่" เพราะรีพับลิกันได้เก้าอี้ในสภาสูงเพิ่มมากขึ้น สะท้อนว่า ชาวอเมริกันยังชื่นชอบการทำหน้าที่ของเขาในฐานะประธานาธิบดี ทั้งนี้ จากผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. อย่างไม่เป็นทางการ พบว่า พรรครีพับลิกันได้ ส.ว. ไปแล้ว 51 ที่นั่ง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของสภาสูง และทำให้เชื่อว่า ทรัมป์รอดตัวจากกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีแล้ว เพียงแต่ว่า การสูญเสียฐานอำนาจในสภาล่างอาจทำให้การทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการยื่นเสนอร่างกฎหมายต่าง ๆ สู่การพิจารณาของสภา ไม่สะดวกราบรื่นมาก
นักในระยะ 2 ปีที่เหลือของประธานาธิบดีทรัมป์

เป็นที่คาดหมายว่า พรรคเดโมแครตอาจเข้ามาควบคุมคณะกรรมาธิการที่สำคัญ ๆ ในสภามากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดทางให้สามารถตรวจสอบและสอบสวนประเด็นปัญหาต่าง ๆ ได้ เช่น การทำธุรกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ และข้อกล่าวหาเรื่องพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของเขา แต่ถามว่าจะสามารถริเริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง หรือ Presidential Impeachment ได้หรือไม่ นักวิเคราะห์ กล่าวว่า เป็นไปได้แต่ยากที่จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากถึงแม้เดโมแครตสามารถยื่นญัตติเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง แต่ก็ไม่อาจจะประสบความสำเร็จ หากวุฒิสมาชิกฝ่ายรีพับลิกันไม่ให้ความร่วมมือด้วย เนื่องจากในการถอดถอนผู้นำสหรัฐฯ ได้นั้น จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 จากสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด


รายงาน | หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,417 ระหว่างวันที่ 11-14 พฤศจิกายน 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว